3 ฉากทัศน์การเมือง ปรับครม.-เปลี่ยนนายกฯ-ยุบสภา?!

11 มิ.ย. 2568 - 03:54

  • ช่วงภาวะน่าอึดอัดของเกมการเมือง

  • ทางออกของเพื่อไทย กับที่ปัญหาเผชิญหน้าอยู่ว่าเวลานี้

  • ปรับครม. – เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี -ยุบสภา

3 ฉากทัศน์การเมือง ปรับครม.-เปลี่ยนนายกฯ-ยุบสภา?!

DeepSPACE ทางเลือกของรัฐบาลในภาวะนี้ไม่มีอะไรมาก  เริ่มจากปรับคณะรัฐมนตรี  เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี ยุบสภา  3 ฉากทัศน์การเมืองที่เพื่อไทยต้องตัดสินใจเสียที  ทำตัวอึมครึม ไม่ซ้าย ไม่ขวา  เลือกสักทาง จะได้ไปกันต่อ  ติดตามใน Deep SPACE..ลึกกว่าที่รู้

การลงพื้นที่ไปดูจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบสิ่งของบำรุงขวัญและให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าชายแดนในวันนี้(11 มิถุนายน 2568)

นับเป็นการตัดสินใจที่ช้าไปหลายสิบก้าว พอๆ กับที่ เก้ๆ กังๆ อยู่นาน กว่าจะตัดสินใจได้เรื่องปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา จนถูกกองทัพ ‘แย่งซีน’  เข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจประชาชนแทน ไม่เหลือพื้นที่ว่างสำหรับรัฐบาล

เพราะเป็นการตัดสินใจในสภาพที่ไม่ต่างกับถูกถีบตกน้ำ

การขยับตัวตั้งลำ ทำเสียงแข็งของรัฐบาลในเวลาต่อมา จึงมิอาจ ‘กู้ศรัทธา’ ที่เสื่อมทรุดกลับคืนมาได้ ไม่ต่างอะไรกับสิ่งของชำรุดในสายตาประชาชน ส่วนจะยังเก็บไว้ใช้งานต่ออีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางการเมืองจะอำนวยให้

แต่ในสถานการณ์ที่พายุใหญ่หลายลูกกำลังถาโถม แทนที่รัฐบาลจะนำเรือลำน้อยเข้าหลบเกาะ รอให้มรสุมพัดผ่านไปก่อนแล้วค่อยกางใบออกทะเลต่อ กลับทำใจดีสู้เสือ นัดหมายประชุมครม.สัญจร จ.พิษณุโลก รอไว้ล่วงหน้าในวันที่ 23-24 มิถุนายนนี้

ตอนแรกคิดว่าเป็นการกำหนดวาระแก้เคล็ดในแบบ ‘สายมู’ ที่ถนัด

แต่พอเห็นทนายความ ทักษิณ ชินวัตร ออกมาแจ้งข่าวเมื่อคืนว่า ศาลอนุญาตให้ยืดเวลาส่งเอกสารคำชี้แจงไปถึงวันที่ 23 มิถุนายน ก็ทำให้ถึงบางอ้อ

แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าจะเป็นวันที่ 12 - 13 หรือ 23 มิถุนายน ย่อมเป็นหลักกิโลเมตรสำคัญของการเมือง จะเดินหน้าถอยหลังหรือไปต่ออย่างไร คำตอบอยู่ที่ 2-3 วันนี้แหล่ะ ที่เป็น ‘อิทัปปัจยตา’ ในทางการเมือง ที่ต่างอาศัยกันและกันเกิด ประมาณว่า

สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด

ไม่ต่างอะไรกับศึกในพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ที่พันตูกันอยู่เวลานี้ ไม่ว่าใครจะยึดหลักคติธรรมข้อไหน ‘ธรรมะ ย่อมชนะอธรรม’ หรือ ‘เห็นกงจักร เป็นดอกบัว’ ก็ตามแต่

นั่นคือ ศึกในของคน รทสช.ที่มีเกมใหญ่ของการเมืองจากนอกพรรคเข้าผสมโรงด้วย

ไม่ใช่แค่ปรับครม.แย่งเก้าอี้กันธรรมดา หากเป็นการช่วงชิงความเป็นใหญ่ของ ‘แดง-น้ำเงิน’ ที่ฝ่ายหลังกำลังขึ้นหม้อ ขึ้นไห แต่ฝ่ายแรกอยู่ในภาวะเพลี่ยงพล้ำ กำลังเข้ามุมอับ จึงต้องเปิดเกมรุกกลับก่อนถึงเส้นตายในเวลาที่เหลืออยู่อีกไม่กี่วัน

เอาเป็นว่า รทสช.ที่ถูก ‘ฉีก’ ออกเป็นสองชิ้นเวลานี้ ไม่ว่าจะเร่งเกมแตกหักแล้วจากกันไป หรือถูกปรับออกยกยวง หลังดีลลับหมดอายุ สูตรเดียวกับที่ถีบทิ้งพรรคทหารแก่ ‘พลังประชารัฐ’ ในวันก่อน

ทว่าอีกด้าน ศึกใน รทสช.ระหว่างพวก ‘ปลอมลายเซน-อุดมการเก๊’ เที่ยวนี้ ก็เพื่อเสริมพลัง สืบชะตาการเมืองให้กับ ‘คนเฒ่าวอก’ ที่กำลังตกที่นั่งลำบาก ส่วนจะช่วยได้มากน้อยขนาดไหน น่าจะมองผ่านการเมือง 3 ฉากทัศน์ต่อจากนี้

หนึ่ง หากเปลี่ยนแค่ ‘ปรับครม.’ โดยที่ภูมิใจไทย ยังรักษาเก้าอี้กระทรวงมหาดไทยเอาไว้ได้ ส่วนพรรคอื่นๆ จะปรับจะแลกกันอย่างไร เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ตราบที่ ‘อิ๊งค์-แพทองธาร’ ยังนั่งอยู่ในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้

เท่ากับว่า ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ ยังวิน-วิน แม้ ‘สทร.’ จะหน้าม้านที่ทวงคืนกระทรวงมหาดไทยไม่สำเร็จก็ตาม

สอง เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แสดงว่าเกมเสริมพลังการเมืองหนนี้ ทำได้แค่ผ่อนหนักให้เป็นเบา ให้เพื่อไทยที่แม้จะเป็นพรรคใหญ่ แต่ต้องยอมลดน้ำหนักลงมาอยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ยอมกลืนเลือดเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้

ถ้าหวยออกสูตรนี้ ‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่พูดจาโผงผาง เสียงดัง หลังกลับจากเจนีวา แถมฉายแววผู้นำเต็มตัวในวันที่ไปกรำฝนกินข้าวกล่องกับชาวบ้านที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ก็จะเป็นตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่

สาม หากเพื่อไทยปฏิเสธ ทำใจไม่ได้กับฉากทัศน์ที่สอง ก็เหลืออยู่ทางเดียวคือ ‘ยุบสภา’ แล้วรอไปตายเอาดาบหน้า เพราะผลงานไม่มี ภาวะผู้นำก็ยังไม่จุติ ถ้ายึดแบบเดิมๆ ‘ข้าอยู่ไม่ได้ เอ็งก็อย่าหวังจะได้อยู่เป็นสุข’ ก็ต้องออกรูนี้

สุดท้ายหวยจะออกสูตรไหน คงสุดแท้แต่บุญแต่กรรมของบ้านเมือง แต่จะไม่หนีไปจากสามฉากทัศน์ที่ว่านี้.

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์