ไฟต์บังคับ ปรับคณะรัฐมนตรี 'อิ๊งค์ 2'

18 มิ.ย. 2568 - 02:49

  • ครม.อิ๊งค์ 2 เขย่าใหม่ สะเทือนเก้าอี้มหาดไทย

  • เสี่ยหนูฟาดเดี่ยว ฝ่ายแดงซุ่มเงียบ

  • เกมนี้ไม่ใช่แค่ปรับครม. แต่คือศึกแดง-น้ำเงินที่เดิมพันถึงอนาคตรัฐบาล

ไฟต์บังคับ ปรับคณะรัฐมนตรี 'อิ๊งค์ 2'

การปรับครม.แพทองธาร ชินวัตร ที่ถูกปล่อยให้ยืดเยื้อมานานหลายวัน จนล่าสุดคนในเพื่อไทยปั่นกระแส ปล่อยข่าวขีดเส้นตาย 48 ชั่วโมง บีบให้ภูมิใจไทยคายเก้าอี้มหาดไทย พร้อมปล่อยสูตรรัฐบาลใหม่ที่ไม่มีพรรคสีน้ำเงิน

งานนี้ช้าเร็วอย่างไร ปรับครม.อิ๊งค์ คงมีคำตอบออกมาในวันสองวันนี้ หรืออย่างช้าต้องให้จบก่อนเปิดสมัยประชุมสภาในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหายุ่งยากกับงานในสภาที่มีกฎหมายสำคัญหลายฉบับรออยู่

โดยเฉพาะกฎหมายกาสิโน ที่เปิดดีลกับกลุ่มทุนไว้และรอวางบิลกันงวดแรก

วันนี้คงปล่อยให้ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ฟาดงวงฟาดงา ดับเครื่องชนฝ่ายเดียวไปให้เต็มที่ ขณะที่ตัวจริงของอีกฝ่าย ยังเป็นมวยซุ่มอยู่ในที่ตั้ง ไม่แสดงตัวแสดงตน เสียงกระแอมสักเอ๊ะก็ไม่ให้มีเล็ดลอดออกมา

นี่ถ้าไม่ใช่คอการเมืองพันธุ์แท้ คงอดสงสัยไม่ได้ว่าที่ "เสี่ยหนู" ตะโกนโหวกเหวก ๆ อยู่นั้น มันท้าใครว่ะ?

แต่ในแวดวงยุทธจักรเป็นที่รู้กันว่า มันคือสงครามการเมืองระหว่าง "แดง-น้ำเงิน" ที่นับวันจะถูกยกระดับและขยายแนวรบเพิ่ม จากจุดเล็ก ๆ ปมฮั้วสว.ตอนนี้มีการแจ้งข้อกลาวหากัน "บิ๊กล็อต" ชนิดโยงไปถึงยุบพรรคกันได้เลย

ไม่นับกลุ่มสว.สีน้ำเงิน ที่นอกจากจะยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ เอาผิดสองรัฐมนตรี ภูมิธรรม เวชยชัย ทวี สอดส่อง แล้วล่าสุดเตรียมเข้าชื่อยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติ ปมพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา

เอาไปเอามาสว.ชุดนี้ ดูตื่นตัวทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลได้ฉับไวกว่าฝ่ายค้านเสียอีก

ทีนี้การปรับครม.อิ๊งค์ 2 จะไปต่ออย่างไร "นายใหญ่-ครูใหญ่" พร้อมจะแตกหักกันจริงหรือเปล่า ถ้าประเมินจากคนที่อยู่หลังม่าน ซึ่งต่างอยู่ในฐานะผู้นำจิตวิญญาณ น่าจะเป็นมวยพันธุ์ดุ ยอมหักไม่ยอมงอด้วยกันทั้งคู่

แต่ดูจากลีลาชักเข้าชักออกของ "เสี่ยหนู" ที่อยู่ในอารมณ์ผีเข้าผีออก ตอนผีเข้าก็ออกอาการห้าวเป้ง พอผีออกก็ทำเสียงอ่อย ๆ อย่างเมื่อวานหลังออกอาการขึงขังเสร็จ ก็เปิดทางถอยให้ตัวเองไว้เสร็จว่า

“ณ ขณะนี้ นอกจากว่าจะมีทางใหม่ รื้อใหม่หมด ทุบใหม่หมด คุยกันไม่แยกคุย แต่เป็นการคุยกันเลยว่าพรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้เอาอย่างไร อันนั้นเราก็มีเหตุมีผล ผมก็ไม่ได้เป็นคนดื้ออะไร ถ้าไม่ได้ต้องมีเหตุมีผล คุยกับนายกฯ ก็มีเหตุมีผลอยู่แล้ว”

เมื่อหงายไพ่ออกมาแบบนี้ แสดงว่าพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ถึงกับยืนกระต่ายขาเดียว พร้อมคายเก้าอี้มหาดไทย เพียงแต่ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ เพื่อหาทางลงให้ตัวเอง พร้อมกับหยิบเก้าอี้ตัวใหม่ที่เหมาะสม แบบหยิบคนละที   

ไม่ใช่สูตร 2 แลก 1 อย่างที่เป็นข่าว

ในเมื่อสถานการณ์เวลานี้ พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ฝ่ายที่ได้เปรียบ แถมยังเพลี่ยงพล้ำด้วยซ้ำ จากปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่อนุทิน นอกจากจะโชว์ความเป็นผู้นำไปเต็ม ๆ ในวันแรกที่ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

วันถัดมายังได้ร่วมซีนกับองคมนตรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ที่นำสิ่งของพระราชทานไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทหาร ที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ด้วย

คงเป็นอีกภาพหนึ่งที่แทนหลาย ๆ คำบรรยายได้ในสถานการณ์เวลานี้

กลับมาที่การเมืองศึกแดง-น้ำเงิน ที่พันตูกันอยู่ เริ่มได้เห็นแนวรบใหม่เพิ่มเป็นคิวแทรกเข้ามา โดยเฉพาะประเด็นรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ในมือ ป.ป.ช.ที่มีผู้ร้องสอบมติคณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติงบประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท ไปแก้ไขปัญหาน้ำ โดยมีสส.เพื่อไทย ได้รับการจัดสรรด้วยคนละ 50 ล้านบาท

หลัง ป.ป.ช.มีมติรับเรื่องไว้ไต่สวน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา จากนั้น ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เขตที่ 7 ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ มีหนังสือถึงอบจ.แห่งหนึ่ง ให้ถอนเรื่องการใช้งบดังกล่าวไปก่อน 

ไม่นับกรณีกลุ่ม "จตุรเทพ" ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ สมชาย แสวงการ นิติธร ล้ำเหลือ เจษฏ์ โทณะวณิก ไปยื่นร้องประเด็นการแจกเงินหมื่นของรัฐบาลต่อ ป.ป.ช. ที่เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 เช่นกัน

งานนี้จะเรียกว่าเป็นนิติสงคราม ก็ไม่ผิดนัก คงไม่ต่างจากในอดีตที่มีคำว่า ตุลาการภิวัฒน์ เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่การเมืองมีปัญหาและต้องการหาทางออกจากหล่มปัญหานั้น

แต่วันนี้การเมืองยังไปไม่ถึงทางตัน เพราะมีรัฐบาล มีสภาทำหน้าที่อยู่ และยังมีคนที่อยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองที่ยื่นต่อ กกต.ไว้ทั้ง ชัยเกษม นิติสิริ อนุทิน ชาญวีรกูล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

รายชื่อต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถหยิบขึ้นมาให้สภาผู้แทนราษฎร โหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ได้ตลอดอายุของสภาชุดนี้

เพราะฉะนั้น ในยามนี้ปัญหาการเมืองยังออกได้หลายหน้า ไม่ว่าจะเป็นการปรับครม. เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่กรณีหากเกิดอุบัติเหตุการเมืองจากนิติสงคราม ก็มีรัฐธรรมนูญเขียนรองรับไว้ในมาตรา 168 ให้ปลัดกระทรวงปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรี กรณีคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลงและไม่สามารถอยู่ทำหน้าที่รักษาการได้

หรือแม้แต่รัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ที่เดิมอยู่ในมาตรา 7 ซึ่งในอดีตรู้จักกันเป็นอย่างดี ก็ยังเปิดช่องให้ถือเอาตามประเพณีการปกครองได้

ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามา ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า ทางออกของปัญหาการเมืองที่วุ่น ๆ กันเวลานี้ ไม่ได้มีเฉพาะจะเขี่ยพรรคภูมิใจไทยออกจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ หรือเขี่ยออกไปแล้วรัฐบาลจะอยู่ยืดไม่ยืดเท่านั้น

แต่มันยังมีรูออกได้อีกหลายช่อง ซึ่งขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทย ต้องการออกทางประตูหรือกระโดดหน้าต่างหนี

หากไม่พร้อมกระโดดหน้าต่างหนี ก็ต้องรักษาสัมพันธภาพพรรคร่วมรัฐบาลเอาไว้ รอให้ผ่านเข้าสู่เดือนตุลาคม แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ เริ่มต้นนับหนึ่งปีปฏิทินงบประมาณไปแล้ว ถึงตอนนั้น จะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ก็น่าจะลงตัวกันทุกฝ่าย

ตอนนี้จึงเป็นไฟต์บังคับของครม.อิ๊งค์ 2 ที่ต้องปรับแบบอยู่ ๆ กันไปก่อน พอหมดหน้าฝน ออกพรรษาแล้วค่อยมาว่ากันใหม่อีกครั้ง

ครม.อิ๊งค์ 2 เขย่าใหม่แล้วไปต่อ มองสวนตลาดการเมืองหนีข่าวปล่อยกันสักหน่อย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์