แพทองธาร ชินวัตร จะฝ่า..จะทน..จะไปได้กี่วัน?!

30 มิ.ย. 2568 - 02:38

  • พายุการเมืองถาโถม ‘แพทองธาร’

  • เส้นทางนายกฯ เริ่มสั่นคลอน

  • อาจเหลือเวลาอีกไม่มากนัก

แพทองธาร ชินวัตร จะฝ่า..จะทน..จะไปได้กี่วัน?!

แม้จะยังดื้อตาใส เป็นผู้ร้ายปากแข็ง ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ยืนยันเดินหน้านำรัฐนาวาที่โคลงเคลง แล่นออกสู่ทะเลกว้าง บริหารบ้านเมืองต่อไป

แต่สภาพบรรยากาศการเมืองชั่วโมงนี้ เริ่มไม่เป็นใจให้ "อิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ ทั้งการออกมาส่งเสียงไล่ของผู้คนเรือนหมื่น เป็นครั้งแรก และผลสำรวจความนิยมที่คะแนนดำดิ่ง ลดลงฮวบฮาบ จากที่เคยอยู่ในอันดับ 1 ร้อยละ 30.90 หล่นลงมาที่อันดับ 5 เหลือเพียงร้อยละ 9.20

แม้แพทองธาร จะยังสวมใส่อาภรณ์หรูหราราคาแพงเหมือนเดิม แต่ความชอบธรรมที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศเธอเหลือไม่เท่าเดิมแล้ว

ยิ่งหลังวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องถอดถอนของ 36 สว.ไว้พิจารณา ต่อให้ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่พื้นที่การเคลื่อนไหวในเมืองหลวง คงถูกจำกัดบริเวณให้เหลือน้อยลง

ต้องออกไปตระเวนทำกิจกรรมอยู่ต่างจังหวัดแทน ไม่ต่างจากในช่วงท้าย ๆ ของ ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ผู้พ่อ

ขณะที่ในเมืองหลวง กลุ่มผู้ชุมนุมที่ผ่านการทดสอบมาจากการรวมตัวในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมาแล้ว ก็คงยกระดับการชุมนุมตามที่ประกาศไว้ ไม่หยุดแค่ส่งเสียงให้ลาออก แต่จะเป็นการ "ขับไล่" สถานเดียวเท่านั้น

งานนี้ต่อให้ออกแบบเผื่อ ให้แพทองธารนั่งควบเก้าอี้กระทรวงวัฒนธรรมอีกตำแหน่ง ก็คงไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะหากถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จริง คงมาลอยหน้าลอยตานั่งสั่งงานอยู่ในกระทรวงวัฒนธรรมอีกไม่ได้

เหตุเพราะ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน ณ เวลาโน้น เป็นปัญหาเรื่องกรอบเวลา 8 ปี ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่าสิ้นสุดหรือยัง ซึ่งหากขืนให้อยู่ทำหน้าที่ต่อ อาจมีปัญหาทางกฎหมายได้หาก ตอนหลังพบว่าอยู่มาเต็มแม็กซ์ 8 ปีแล้ว

ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม ไม่ได้กำหหนดกรอบเวลาไว้ จึงไปนั่งสั่งงานในฐานะ รมว.กลาโหมได้

ต่างจากกรณีของแพทองธาร ที่ถูกร้องให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เพราะกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4)  (5) เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

อันเป็นคุณสมบัติของรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็ถือเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีด้วย

ดังนั้น เมื่อถูกร้องในคุณสมบัติข้อดังกล่าว ก็ย่อมกระทบถึงคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีด้วย เพียงแต่ว่าในขณะที่ยื่นร้องนั้น แพทองธารมีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว แต่เมื่อมีการปรับครม.จึงให้ตัวเองนั่งควบเก้าอี้รมว.วัฒนธรรม เพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง

การนั่งควบเก้าอี้รมว.วัฒนธรรม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของการบริหารงานในคณะรัฐมนตรีหรือเป็นเทคนิคทางกฎหมาย เพื่อให้ตัวเองยังมีสถานะเป็นรัฐมนตรีอยู่ หากต้องถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ตาม

ในกรณีนี้ หากไม่ต้องคิดให้ซับซ้อน เมื่อประเด็นที่ถูกร้องเป็นปัญหาคุณสมบัติรัฐมนตรี หากมีข้อสงสัยต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนจริง ตำแหน่งรัฐมนตรีอื่นที่ใช้คุณสมบัติเดียวกัน ก็มิอาจให้อยู่ทำหน้าที่ได้เช่นกัน แม้จะได้รับการแต่งตั้งทีหลังก็ตาม

เพราะฉะนั้น เดาเอาว่า ในกรณีแพทองธาร หากได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีอื่นเพิ่มเติมภายหลัง ผู้ร้องอาจไปยื่นร้องขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เพิ่ม หรืออาจจะมีรายละเอียดในคำสั่งของศาลครอบคลุมอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นปัญหาคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย

แต่เอาเถอะ เวลานี้ไม่เพียงเรื่องในศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องที่มีผลต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของแพทองธาร ทั้งเรื่องคดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ "ปมป่วยทิพย์" ของทักษิณ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวน 6 ครั้งรวด ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ขณะที่สภาก็จะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้เช่นกัน ในท่ามกลางรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ ฝ่ายค้าน จองกฐินเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนวุฒิสภา ก็ยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติรอเอาไว้ตั้งแต่สมัยวิสามัญ

ไม่นับร่างกฎหมายสำคัญอื่นๆ อีกหลายฉบับที่เข้าคิวรออยู่

ดูทรงแล้วต่อให้นายกฯ อิ๊งค์ ดื้อตาใสขนาดไหน คงจะฝ่า คงจะทน  ไปต่อได้อีกไม่กี่วัน เพราะลำพังสถานการณ์ชั่วโมงนี้ก็บอบช้ำสุด ๆ แล้ว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์