การปรับครม.ในอดีต ไม่ว่าจะในยุคสมัยใด มักจะมาพร้อมกับความรู้สึกใหม่ ๆ และตามติดด้วยความคาดหวัง จากเสนาบดีหน้าใหม่ที่เข้ามา จะมากจะน้อยก็ต้องมีติดปลายนวมกันบ้าง
ต่างจากการปรับครม.แพทองธาร ชินวัตร หรืออิ๊งค์ 1/2 ที่กำลังจะมีขึ้น นอกจากจะไม่มีอารมณ์ที่ว่าเกิดขึ้นแล้ว ยังมีคนอยากเห็นการลาออกของนายกฯ อิ๊งค์ เพื่อเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนด้วยซ้ำ
"อยากให้ น.ส.แพทองธาร ลาออก เพื่อเปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และขอให้มีการเรียกความเชื่อมั่น ความศรัทธาคืนมา โดยเปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญเข้ามาร่วมรัฐบาลมากขึ้น เพราะจากที่ดูโผครม. แล้ว ก็เป็นคนเดิม ๆ ทำให้ประชาชนที่สิ้นหวัง ก็คงสิ้นหวังต่อไป"
เป็นความเห็นของ สว.อังคณา นีละไพจิตร เมื่อถูกถามถึงรายชื่อครม.อิ๊งค์ 1/2 ที่ปรากฎบนหน้าสื่อ พร้อมกับย้ำอีกชัด ๆ ว่า "ไม่ได้มีความหวังกับโผครม.ใหม่"
เช่นเดียวกับคนในซีกฝ่ายค้าน ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ก็ตอบคำถามสื่อถึงความคาดหวังต่อ ครม.ใหม่แบบไม่ต้องเสียเวลาคิดนานเช่นกันว่า "ยังคงสิ้นหวังแล้ว สิ้นหวังอยู่ สิ้นหวังต่อ"
"ไหม-ศิริกัญญา" มองหน้าตาครม. ชุดใหม่ที่ปรากฎโฉมบนหน้าสื่อว่า ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นการเล่นเก้าอี้ดนตรี สลับเก้าอี้นั่งกันมากกว่าการพิจารณาบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มาทำหน้าที่ในตำแหน่งต่าง ๆ
โดยศิริกัญญา ยกตัวอย่างปัญหาเรื่องพืชผลเกษตรตกต่ำ เกษตรกรมีปัญหาเรื่องรายได้ แต่เมื่อดูหน้าว่าที่ รมว.พาณิชย์ ก็รู้สึกว่าไม่ได้ช่วยทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้นได้ หรือไม่ได้ตั้งใจที่จะมาจัดการปัญหาเรื่องนี้จริง ๆ หรือหากจะมีใครที่ดูโปรไฟล์ดีก็อาจจะเป็นว่าที่ รมว.ศึกษาธิการหรือไม่ ที่นามสกุล "วงศ์สวัสดิ์" ซึ่งต้องรอดู แต่ก็ยังเป็นในลักษณะเครือญาติมากกว่าหาคนเชี่ยวชาญเฉพาะทางมาทำงาน
การปรับครม.เที่ยวนี้ ในสายตาผู้คนที่ติดตามการเมืองมานาน มองเป็นการปะผุครม.แก้ไขปัญหาชีวิตการเมืองให้รัฐบาล หลังพรรคร่วมรัฐบาลกระโดดเรือหนีมากกว่า เพราะการไปปิดห้องคุยกันในโรงแรมหรูวันก่อน
เป็นการแบ่งเค้ก-แบ่งชามข้าวกันล้วน ๆ
ไม่มีการเอาเรื่องนโยบาย ที่เป็นปัญหาบ้านเมือง ปัญหาเศรษฐกิจหรือปัญหาประชาชน มาเป็นวาระขับเคลื่อนร่วมกันเหมือนทุกครั้ง แถมยังแอบทำกันลับ ๆ จนนำไปสู่ปัญหาความแตกแยกขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่เห็นด้วยกับมติลับ ๆ ล่อ ๆ ของกรรมการบริหารพรรค ที่มุบมิบทำกันเอง
แม้แต่การกรอกประวัติรัฐมนตรี ยังกระมิดกระเมี้ยนให้ส่งทางอีเมล์แทน เพื่อป้องกันแรงกระเพื่อมภายในพรรค
เอาเป็นว่า การปรับครม.อิ๊งค์หนนี้ เกิดขึ้นในท่ามกลางความแตกแยกเป็นผุยผง ถูกประชาชนรวมตัวกันลุกขึ้นขับไล่ ในขณะเดียวกัน ก็มีการใช้กลไกทางกฎหมายยื่นดำเนินการเอาผิดนายกฯ อิ๊งค์ ทั้งต่อศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.และศาลอาญา
ล่าสุด ป.ป.ช.มีมติรับเรื่องไว้ดำเนินการในเบื้องต้นแล้ว โดยให้ฝ่ายสำนักงานฯ ไปเร่งสรุปเรื่องเสนอ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญ ที่สั่งงดประชุมปรึกษาคดีในสัปดาห์นี้ ก็นัดหมายประชุมคราวต่อไปไว้ในวันอังคารที่ 1 กรกฎาคมนี้
ดังนั้น การปรับครม.จึงรอช้าไม่ได้ โดยเมื่อวาน(23 มิ.ย.63)ในระหว่างการประชุมมอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ภูมิธรรม เวชยชัย บอกกล่าวกับที่ประชุมไว้ "เชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้านี้ ครม.ชุดใหม่จะมีการโปรดเกล้าฯ และเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน"
ไม่เร่งก็เหมือนรีบ เพราะหากรายชื่อครม.ใหม่ ยังไม่สะเด็ดน้ำ ไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ หรือยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ลงมา หากศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีไว้พิจารณาและมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน อาจทำให้การปรับครม.อิงค์ 1/2 สะดุดหัวทิ่มหัวตำเสียก่อน เพราะเวลาคาบเกี่ยวกันพอดี
แม้ "เสี่ยอ้วน" ว่าที่ มท.1 คนใหม่ จะไม่ให้ราคากับการเข้าชื่อยื่นถอดถอนนายกฯ อิงค์ของกลุ่มสว.สักเท่าไหร่ โดยมองเป็นการยื่นแก้เกี้ยวและหาทางปกป้องตัวเองก็ตาม
แต่ปมคลิปเสียงฉบับ "หลาน-ลุง" สองแผ่นดิน ก็สะเทือนเลือนลั่นร้อนผ่าวไปทั้งปฐพีแล้ว
เพราะฉนั้น การปรับครม.หนนี้ จึงเป็นการปะผุการเมืองแบบด่วน ๆ เสียมากกว่า ส่วนจะไปได้ใกล้ไกลขนาดไหน คงต้องดูกันวันต่อวัน โดยเฉพาะถ้าลากไปถึงเปิดสมัยประชุมสภาได้ เมื่อมีร่างกฎหมายสำคัญเข้าสู่การพิจารณา ก็จะได้เห็นเสียงที่แท้จริงของรัฐบาลกันตอนนั้น มีอยู่จริงเท่าไหร่
เมื่อเริ่มต้นด้วยการปะผุ ก็ต้องอยู่ไปปะผุกันไป มีรายจ่ายให้กับพรรคร่วมรัฐบาล ที่ต้องขึ้นขี่คอทุกครั้งที่ผลประโยชน์ไม่ลงตัว จนกว่าจะผุพังกันไปเองนั่นแหล่ะ!!