อตีเต กาเล..กาลครึ่งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้เอง แม้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะเคยให้เหตุผลการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยเอาไว้ เพราะไม่อยากไปสังฆกรรม เป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคล้มเจ้า
ณ เวลานั้น ทำเอาเหล่าขาเชียร์ทั้งหลายเป็นปลื้ม ลืมเรื่องเก่าเรื่องหลังที่เคยปฏิเสธระบอบทักษิณกันไปสนิท ทั้ง ๆ ที่การเป็นฝ่ายค้าน ไม่จำเป็นต้องไปผูกขาไว้กับพรรคที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ สักหน่อย
แต่จากบรรยากาศการตบตีกันเองในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เวลานี้ คงหนีไม่พ้นและต้องทำใจไว้รอกันล่วงหน้าว่า พรุ่งนี้ มะรืนนี้ หากปรับครม.วันไหน โอกาสที่ รทสช.จะถูกเขี่ยออกไปเป็นฝ่ายค้าน มีทางเป็นไปได้สูงยิ่ง
ส่วนจะประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระหรือเปล่านั้น ต้องรอดูว่าเป็นอิสระแบบไหน แบบวัดครึ่งกรรมการครึ่ง ซีกหนึ่งทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ส่วนอีกซีกอยู่ในปีกรัฐบาลหรือเปล่า?
เอาเป็นว่า การออกมาโต้กลับของ "เดอะเฮ้ง" สุชาติ ชมกลิ่น เรื่องวีรกรรม "ชุดสุดซอย" ที่มีชุดเก็บขยะตามไล่หลังมาติด ๆ บวกกับการแฉแผนจับมือโค่นหัวหน้าพรรคนั้น ทำให้ "ลูกขิง" เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ นั่งไม่ติด ต้องโพสต์ภาพกินก๋วยเตี๋ยวกับ "พีระพันธุ์" โชว์ผ่านเฟซบุ๊ก
อย่างน้อยก็คงล้างใจ "พี่ตุ๋ย" ได้บ้างไม่มากก็น้อย
แต่สิ่งที่สุชาติ นำมาพูดถึงนั้น ตัวขิงเองย่อมตระหนักและสำนึกรู้อยู่แก่ไจว่า ครั้งหนึ่งเคยมีความคิดเช่นนั้นจริง และเคลิ้มไปกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคด้วย เพียงแต่มาพบสัจธรรมเสียก่อนว่า คงไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
หากจะสำเร็จโทษ สมคบกันปลด "พี่ตุ๋ย" แล้วขึ้นนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเสียเอง เพราะลำพังเก็บนกหวีดใส่ลิ้นชัก มานั่งเป็นรัฐมนตรีอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ ก็ยังต้องเดินก้มหน้าสบตาแม่ยกไม่ได้อยู่นาน
ขณะที่การออกมาประกาศสละเรือไปอีกคนของ ธนกร วังบุญคงชนะ เมื่อวาน(11 มิ.ย.68) อารมณ์เดียวกับสุชาติ ที่รู้สึกไม่มีความอบอุ่นกับบ้านหลังนี้ที่เปลี่ยนเจ้าของคนใหม่ และตกอยู่ในสภาพของผู้อาศัย จึงต้องตัดสินใจเดินตามทางของตัวเอง
การออกมาประกาศดังว่าของ "เสี่ยแด๊ก" เท่ากับเลือกแทงหวย "เสี่ยเฮ้ง" ไปแล้วเต็มๆ
ต่อจากนี้คงจะมีทยอยออกมาแสดงตัวกึ่ง ๆ รายงานตัวอีกหลายคน โดยเฉพาะที่เซ็นชื่อกันไป ยกเว้น 3 สส.ชุมพร ที่คงเลือกทำตัวเป็นกบจำศีลไปก่อน เพราะต้องรักษาบุญคุณน้ำมิตร ยึดหลักกตัญญูกตเวทิตาธรรม ที่มีกับลุงกำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ เอาไว้
เอาเป็นว่า กระแสใน รทสช.ชั่วโมงนี้ ไหลไปทาง "เสี่ยเฮ้ง" ที่มีเสี่ยสั่งลุยเป็นเงาทอทาบอยู่เบื้องหลัง
ส่วนท่าทีของฝั่ง "พีระพันธุ์-เอกนัฎ" ฟังจากน้ำเสียงของ วิทยา แก้วภราดัย คน กปปส.เดิม ที่บอกผ่านรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง พิธีกรถามให้เดาใจหัวหน้า รทสช.หากมีการขอคืนเก้าอี้พลังงาน จะตัดสินใจอย่างไร
"ถ้าไม่รักษาข้อตกลงเดิม ที่ให้เราดูแลกระทรวงพลังงาน ก็แสดงว่าไม่เคารพข้อตกลงที่ให้ไว้ เราก็ต้องพิจารณาตัวเอง"
แม้วิทยา จะไม่บอกตรง ๆ แต่ก็พอจับทางออกโดยไม่ต้องเสียเวลาเดาว่า งานนี้ต้องถอนตัวออกจากรัฐบาลแน่ ๆ
ไม่รู้ว่าการถอนตัวของ รทสช.จะไปเข้าทางพรรคเพื่อไทยแบบ "จั๊บเบะ" เข้าพอดีหรือไม่ แต่นาทีนี้ฟังดูแล้วปีกของเอกนัฎ พร้อมแล้วสำหรับการออกไปเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งก็ขึ้นกับการตัดสินใจของพ่อนายกฯ จะเอาอย่างไร
สุดท้ายประเมินดูแล้ว รทสช.คงต้องเดินเส้นทางเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องไปรับบทฝ่ายค้านจำใจ ในขณะที่กลุ่มก้อนของ "เสี่ยเฮ้ง" ที่อยู่ในซีกฝ่ายค้านโดยนิตินัย แต่ทางพฤตินัยอยู่กับรัฐบาล
ถ้าไม่ต้องเสียเวลาไปออกแบบชีวิตให้ยุ่งยาก ก็ใช้สูตรเดียวกับ "ผู้กองโมเดล" นั่นแหล่ะ
ส่วนกลุ่ม "พีระพันธุ์" ถึงเวลาต้องทำใจรับบทฝ่ายค้านอิสระไปตามระเบียบ ก็เท่านั้นเอง