การเมืองไทยเดินไปเร็วมาก นับจากวันคลิปเสียงของนายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ จนถึงวันนี้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีรักษาการที่ชื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย
และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ หรือ มท.1 ที่ชื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย อีกเช่นกัน
มท.1 ที่ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และเป็น มท.1 คนเดียวกันกับคนที่สะบัดปากกาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย
บัญชีโยกย้ายที่ขยับ 2 อธิบดีกรมใหญ่ ทั้งอธิบดีกรมการปกครองและอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เข้ากรุไปเป็นผู้ตรวจราชการ ทั้งที่ทั้งคู่เพิ่งเข้าไปดำรงตำแหน่งอธิบดียังไม่ครบขวบปี
ย้ายทั้งที่รู้ว่า…ทั้ง 2 คน เป็นคนของใคร?
การขยับรอบนี้ ด้านหนึ่งแสดงความเด็ดขาด ดั่ง มท.อ้วน ระบุในการให้สัมภาษณ์
แต่อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นการลั่นกลองรบ ส่งสัญญาณเดือดไปยังเจ้าของค่ายของทั้ง 2 คน
ไม่เพียงเท่านั้น อีกหลายกระทรวงก็เริ่มส่งสัญญาณกวาดขยะใต้พรม ไล่รื้อโปรเจกต์สีน้ำเงิน และล้างเครือข่ายสีน้ำเงินในหลายตำแหน่ง
ไม่เพียงเท่านั้น อีกด้านตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ก็นำกำลังเข้าตรวจค้นเครือข่าย 19 จุด ทั่วทั้งกรุงเทพและปริมณฑลของ ก๊ก อาน เจ้าของกาสิโนใหญ่ในฝั่งกัมพูชา
ก๊ก อาน ผู้มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับสมเด็จฮุน เซน และมีความใกล้ชิดกับนายทุนใหญ่ในไทยบางราย
พร้อมเตรียมตรวจสอบเส้นทางการลงทุน และการย้ายฐานของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ จากฝั่งชเวโก๊กโก ตรงข้ามจังหวัดตาก ไปยังฝั่งตรงข้ามด่านช่องสายตะกู จังหวัดบุรีรัมย์ อันเป็นความเคลื่อนไหวทั้งหมด ที่พุ่งไปยังเป้าหมายเดียวกัน
นอกจากส่งสัญญาณรบ อีกทางหนึ่งก็มีปฏิบัติการ “ถอนฟืนออกจากกองไฟ” ด้วยการถอนร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกจากวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฏร เพื่อลดแรงเบียดกระแทก พร้อม ๆ กับความพยายามปูทางให้มีการตีความอำนาจนายกรัฐมนตรีรักษาการ ว่า มีอำนาจปรับคณะรัฐมนตรี และมีอำนาจยุบสภาหรือไม่
เพราะทั้งสองประเด็นนี้ เป็นนัยยะสำคัญของหมากที่จะขับเคลื่อนเกมรักษาอำนาจ และยื้อเวลาไปสู่การเลือกตั้งใหม่ให้นานที่สุด รวมทั้งหลีกเลี่ยงทางออกไม่ให้เข้าสู่ทางตัน ที่จะถูกบีบเข้าสู่การพ้นตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรี ทั้งพ้นในกรณีตัดสินใจลาออกเอง หรือพ่ายเกมนิติสงคราม อันจะทำให้นายกฯแพทองธาร พ้นจากตำแหน่งจากคำวินิจฉัยของศาล
ทั้งสองความเคลื่อนไหว คือ ความพยายามกระชับอำนาจ และการรักษาความได้เปรียบ ให้สามารถกลับเข้าสู่เกมได้ภายในระยะเวลาก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ระยะเวลาที่ถูกประเมินว่า น่าจะไม่เกิน 3 เดือน หรือน่าจะจบประมาณปลายเดือนกันยายน เลทเต็มที่ก็ไม่เกินต้นเดือนตุลาคม
3 เดือนนับจากนี้…จึงเป็น 3 เดือนแห่งการเร่งเกมของทั้งสองฝ่าย
เกมฝ่ายที่ต้องการให้เลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ก็เร่งทำทุกอย่างเพื่อปิดทางอำนาจการปรับคณะรัฐมนตรี และอำนาจการยุบสภา
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็ต้องเร่งแก้เกม เพื่อนำไปสู่การรักษาอำนาจให้นานที่สุด เพื่อพร้อมต่อการเลือกตั้งใหม่
ยามนี้พรรคเพื่อไทยจำต้องเร่งตีความเรื่องอำนาจปรับ ครม. และอำนาจยุบสภาของนายกรัฐมนตรีรักษาการให้เร็วที่สุด เพราะเป็นหมากสำคัญที่จะทำให้พลิกตัวออกจากทางเส้นทางที่ถูกบีบให้เดินได้
พรรคเพื่อไทยยังมีหมากสำคัญที่ยังไม่ได้ใช้ และอุบไต๋รออยู่ คือ การปรับครม.อีกรอบ โดยเสนอเฉพาะตำแหน่งที่ยังวางอยู่ คือ ‘รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม‘
เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม…ที่อาจควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง
เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีบารมีในกองทัพเพียงพอ ต่อการจัดระเบียบกองทัพให้มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายที่จะเริ่มทำบัญชีแรกกันในช่วยปลายเดือนกรกฎาคม และต้องจบก่อนกลางเดือนกันยายน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คนนี้ ยังต้องบารมีเพียงพอต่อการรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในแนวชายแดนไทย - กัมพูชา และประสานได้กับทั้งอเมริกาและจีน ในกรณีต้องเกิดกระทบ กระทั่งกันเกิดขึ้น
สุดท้ายรัฐมนตรีกลาโหมที่ต้องควบรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ก็อาจจะต้องพร้อมถูกปรับขึ้นสู่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 เพื่อเป็น รักษาการนายกรัฐมนตรีได้ หากสถานการณ์การเมืองถูกบีบให้เข้าสู่แนวทางนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…หากตีความว่า…นายกรัฐมนตรีรักษาการ สามารถยุบสภาได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนนี้ ต้องเป็นคนที่พร้อมต่อการคุมเกม และจัดระเบียบการเมืองให้นิ่ง เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง
รัฐมนตรีกลาโหมคนนี้ จะต้องพร้อมทำการเมืองให้มีเสถียรภาพ เพื่อรองรับหมายกำหนดการสำคัญของประเทศ ถ้าหากมี โดยเฉพาะเพื่อความมั่นคงของสถาบันหลัก
คุณสมบัติพิเศษแต่ละข้อ ของ ว่าที่รัฐมนตรีกลาโหม คนที่ยังมาไม่ถึง สแกนแล้ว สแกนอีก อาจยังมองไม่เห็น
แม้ชื่อที่โยนลงสนามเป็นหินถามทางว่า จะเป็น บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ แต่จะมีคุณสมบัติเบื้องต้นทั้งหมด จะสามารถติ๊กถูกทุกข้อได้หรือไม่?
และบิ๊กเนมแต่ละชื่อที่มีอยู่ มีคุณสมบัติพอหรือไม่ ถ้าตัดชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีออกไป เพราะอยู่เหนือการเมืองไปแล้ว…จะเหลือรายชื่อใครอีก?
‘บิ๊ก‘ คนไหนกัน…ที่มีคุณสมบัติทุกข้อข้างต้น
อยากเฉลยและฟันธงเปรี้ยง ๆ ดังเสียงฟ้าฟาด…แต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยนาม งานนี้ขอฝากให้คิดกันเองจะดีกว่า…
แต่คิดว่า…ไม่นานเกินรอ…เพราะรัฐบาลนี้มีเวลาไม่เกิน 3 เดือน ที่จะตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อนที่เกมนิติสงคราม จะบีบไห้เหลือเส้นทางเดียว คือ สรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ใครบางคนแอบแต่งตัวรออยู่
‘ตระกูลฮุน‘ อาจจะชนะในศึกแรก คือ สร้างสมการทำให้ไทยเกิดสุญญากาศทางการเมือง จนต้องมี นายกรัฐมนตรีรักษาการ
แต่ถ้าเกมการเมืองถูกบีบให้เดินไปสู่การสรรหานายกรัฐมนตรีใหม่ เราจะยอมให้ตระกูลฮุน จากคนข้างบ้านมาเป็นคนบงการเกม จนทำให้ไทยต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี และเป็นคนที่สมเด็จฮุน เซน เคยพยากรณ์และบอกใบ้ว่า รู้หน้าตาแล้วจริงๆหรือ
คนไทย…ไม่เคยรบแพ้ใคร
แต่ส่วนใหญ่ที่แพ้…เพราะมัวแต่ “รบกันเอง” ซะมากกว่า