ศึกดุสิตธานี บทพิสูจน์น้ำข้นกว่าเลือด

29 พ.ค. 2568 - 06:20

  • ศึกสายเลือกดุสิตธานียังไม่จบ

  • ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยืนมติไม่รับงบการเงินปี 2567

  • โหวตไม่รับกรรมการ 4 คนหมดวาระ กลับมาหน้าที่ต่อ

ศึกดุสิตธานี บทพิสูจน์น้ำข้นกว่าเลือด

มัณฑนี สุรกาญจน์กุล เลขานุการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ได้จัดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 32/2568 ในวันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2568 และวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2568 (การประชุมที่เลื่อนมาจากวันที่ 25 เมษายน 2568) เวลา 10.00 น. ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) เพียงรูปแบบเดียว เท่านั้น 

ในการประชุมทั้งสองครั้งมีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุมด้วยตนเองและโดยการมอบฉันทะ และมีมติในวาระต่างๆ ดั้งนี้ 

ที่ประชุมมีมติ ‘ไม่อนุมัติ’ งบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 และรายงานของผู้สอบบัญชี  และมีมติอนุมัติงดจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 ด้วย  

ที่ประชุมไม่อนุมัติ เลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ออกตามวาระกลับเข้าดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ ต่อไปอีกวาระหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วย
นายอาสา สารสิน (กรรมการอิสระ / ประธานกรรมการ)
นางปราณี ภาษีผล (กรรมการอิสระ / ประธานกรรมการตรวจสอบ)
นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ (กรรมการอิสระ / ประธานคณะกรรมการการลงทุน)
นายสมประสงค์ บุญยะชัย (กรรมการอิสระ / กรรมการการลงทุน / กรรมการสรรหา พิจารณาค่าตอบแทน และบรรษัทภิบาล) 

กรณีกรรมการทั้ง 4 คนที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งกลับเป็นกรรมการของบริษัท ดังนั้นจึงส่งผลให้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีกรรมการเหลืออยู่จำนวน 8 คน บริษัทฯยังคงมีกรรมการอิสระจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวน กรรมการทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผล ให้บริษัทฯ มีกรรมการตรวจสอบไม่ครบ 3 ท่าน โดยคณะกรรมการสรรหา พิจารณาค่าตอบแทนและ บรรษัทภิบาล จะพิจารณาสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อดำเนินการเสนอต่อที่ประชุม คณะกรรมการหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป (แล้วแต่กรณี) 

ทั้งนี้ จำนวนกรรมการที่ลดลง ไม่ได้มีผลต่อการบริหารงานหรือการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แต่อย่างใด 

สำหรับงบการเงินปี 2567 ซึ่งที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไม่อนุมัตินั้น บริษัทฯ จะดำเนินการนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป  

โรงแรมดุสิตธานี ก่อตั้งโดยท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย  หญิงเหล็กของธุรกิจโรงแรมไทย และมีการส่งต่อให้กับทายาท 3 คน  แต่ทุกทั้งหมดถูกรวมกันใน ‘กงสี’ ของตระกูลในบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัดซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด   ทายาททั้งหมดต่างถือหุ้นในบริษัทกงสีเป็นหลัก 

 

การถือหุ้น บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด  แบ่งไปในกลุ่มทายาท

กลุ่มตระกูลโทณวณิก นำโดย ชนินทธ์ โทณวณิก  บุตรชายคนโต ถือหุ้นรวม 26.66%  ชนินทธ์ เองถือหุ้น 25.40% ส่วนที่เหลือเป็นของณัฐพร ศิรินันท์ และศิรเดช โทณวณิก ถือคนละ 0.42% 

กลุ่มตระกูลเธียรประสิทธิ์ นำโดย สินี เธียรประสิทธิ์  บุตรสาวคนที่สอง  ถือหุ้นรวม 26.65%  สินี เองถือหุ้น 26.57% ส่วนที่เหลือเป็นของณัฐสิทธิ พัฒนีพร, ลลิตา เธียรประสิทธิ์  และภมรศักดิ์ เธียรประสิทธิ์


สินีแต่งงานกับ ฐิตินันท์ เธียรประสิทธิ์ 

กลุ่มตระกูลสาลีรัฐวิภาค นำโดย สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค บุตรสาวคนที่สาม  ถือหุ้นรวม 21.68% โดย สุนงค์ เองถือหุ้น 21.62% ที่เหลือเป็นของชลิตา ภัทรพรรณ ภัทรพร และภัทร สาลีรัฐวิภาค

สุนงค์ แต่งงานกับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในเวลานี้ 

การบริหารงาน และดูแลดุสิตธานี อยู่กับชนินทธ์ โทณวณิก  ที่เป็นตัวหลัก  โดยจับมือกับน้องสาวคนที่สาม สุนงค์ บริหารงานกัน  

ความขัดแย้งในการบริหารโรงแรมดุสิตธานี ต้องบอกว่าเกิดจากความไม่ลงรอยกันระหว่างพี่น้อง 3 คน   โดยเฉพาะกลุ่มของ ชนินทธ์ โทณวณิก และ สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค ที่เคยร่วมมือกันมาตลอด และทั้งสองกลุ่มถือหุ้นในบริษัทกงสีในสัดส่วนใกล้เคียงกัน    จึงเกิดการพลิกขั้วอำนาจ  โดย สุนงค์ กลับไปร่วมมือกับพี่สาวคนกลาง สินี  เธียรประสิทธิ์  เพื่อได้มีเสียงข้างมากตามสัดส่วนหุ้นที่เพิ่มขึ้น 

ความขัดแย้งของทั้ง 2 ฝ่ายคือ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด ไม่อนุมัติงบการเงินประจำปี 2567 แม้จะผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้ว

การไม่อนุมัติงบดังกล่าวอาจทำให้บริษัทไม่สามารถส่งงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2568 ได้ทันตามกำหนด และเสี่ยงต่อการถูกตลาดหลักทรัพย์ติดเครื่องหมาย SP  

จุดแตกหักคือการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568  มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการใหม่  ชนินทธ์ โทณวณิก ผู้บริหารคนสำคัญของดุสิตธานี  ถูกถอดออกจากการเป็นกรรมการ และแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่ 2 คน คือภัทร สาลีรัฐวิภาค (ตระกูลสาลีรัฐวิภาค) และลลิตา เธียรประสิทธิ์ (ตระกูลเธียรประสิทธิ์) 

ทำให้กรรมการในปัจจุบันประกอบด้วย สินี เธียรประสิทธิ์ สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค ลลิตา เธียรประสิทธิ์ และภัทร สาลีรัฐวิภาค เพียง 2 ตระกูล  ไม่มีชื่อของชนินทธ์ โทณวณิก และตระกูลโทณวณิก เป็นกรรมการบริษัทอีก รวมทั้งไม่มีอำนาจในการลงนาม และบริหารจัดการในบริษัทอีกต่อไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์