ปิดด่าน ‘เจ็บแต่จบ’ เสียงสะท้อนธุรกิจชายแดนไทย-กัมพูชา

8 มิ.ย. 2568 - 02:57

  • ผู้ประกอบการชายแดนยอมรับมีผลกระทบทางธุรกิจ ตั้งแต่เกิดการกระทบกระทั่งของไทย-กัมพูชา

  • การปิดด่าน แม้จะทำให้สูญเสียเม็ดเงิน แต่ถือว่าเป็นมาตรการที่เลือกเจ็บแต่จบได้

  • เตรียมพร้อมปรับตัวสู้ วางแผนสต๊อกสินค้าและติดตามข่าวสารใกล้ชิด

ปิดด่าน ‘เจ็บแต่จบ’ เสียงสะท้อนธุรกิจชายแดนไทย-กัมพูชา

แม้จะภาครัฐจะมีมาตรการและแผนรองรับสำหรับการเตรียมประกาศปิดด่าน ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวร 6 แห่ง จุดผ่อนปรน 10 แห่ง รวมทั้งจุดผ่อนปรน เพื่อการท่องเที่ยวปราสาทพระวิหารและประสาทตาเหมือนธม เป็นส่วนหนึ่งในแผนการบริหารจัดการสถานการณ์ของฝ่ายความมั่นคงประเทศไทยเพื่อความปลอดภัยของประชาชน และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศปิดด่าน ผู้ประกอบการจึงเลือกวิธีลดสต็อกสินค้า ติดตามสถานการณ์แบบวันต่อวัน เพื่อดูท่าทีของผู้นำทั้งสองประเทศ  

economic-business-thai-cambodia-closed-SPACEBAR-Photo01.jpg
economic-business-thai-cambodia-closed-SPACEBAR-Photo02.jpg

รัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า สำหรับจังหวัดศรีสะเกษที่มีจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ตั้งอยู่บริเวณ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ เชื่อมต่อกับช่องจอม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา มีการเข้าออกของประชาชนทั้งสองประเทศ รวมทั้งมีการขนส่งสินค้าผ่านเข้าออก มูลค่าทางการค้าช่องสะงำมีการซื้อขายกว่า 1,000-1,900 ล้านบาท 

economic-business-thai-cambodia-closed-SPACEBAR-Photo03.jpg

โดยประเทศไทยจะขายออก มากกว่าการซื้อจากกัมพูชา ทำให้ไทยได้ดุลการค้ากับกัมพูชาที่ร้อยละ 30 หากมูลค่าการค้าปีละ 1,500 ล้านบาท ไทยจะได้ดุลกว่า 300 ล้านบาท แม้จะเปิดด่านตามปกติ แต่เศรษฐกิจการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาช่วงนี้เงียบเหงา ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้    


“การค้าชายแดนช่องสะงำระยะนี้ เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายต่างรอดูท่าทีความชัดเจนว่าเป็นไปอย่างไร เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีการปิดด่าน แต่เมื่อไม่มีความชัดเจน ย่อมส่งผลให้การค้าการลงทุนชะลอตัว ผู้ประกอบการต่างรอดูสถานการณ์ ทำให้การค้าการขายเบาบางลง     หากมีคำสั่งปิดด่านชายแดน จะส่งผลกระทบต่อการค้าของทั้งสองประเทศแน่นอน และเชื่อว่าทางฝั่งกัมพูชาจะได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะชาวกัมพูชานิยมซื้อสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น น้ำ นมกล่อง เครื่องจักรการเกษตร” 

ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ ยืนยันว่า ผู้ประกอบการไทยพร้อมสนับสนุนและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของฝ่ายความมั่นคง พร้อมทั้งหวังว่าจะมีการเจรจาร่วมกันหาทางออกของทั้งสองประเทศโดยเร็ว

“60% ต้องการให้ปิดด่าน ถึงจะกังวลเรื่องธุรกิจของตัวเองที่ได้รับผลกระทบ เรียกว่า เจ็บแต่จบ  ซึ่งถ้ารู้ก่อนจะมีความชัดเจนทำให้วางแผนการค้าการขายได้ว่าจะสั่งซื้อ เก็บสต็อกสินค้าจำนวนเท่าไร และเชื่อว่า หากไทยมีคำสั่งปิดด่านก่อนเกิดการปะทะกัน ไทยจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่า เพื่อเป็นการตอบโต้ แต่หากมีการปะทะกันก่อนแล้วจึงสั่งปิดด่าน เชื่อว่าจะมีการปิดยาว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชายแดนไทยแน่นอน” 

อีกหนึ่งเสียงสะท้อนจากนักธุรกิจชายแดนไทยรายหนึ่ง ที่ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์แบบวันต่อวัน ระบุว่า ถึงแม้ว่าการค้าขายชายแดนช่วงนี้ จะเป็นไปด้วยความเงียบเหงา แต่ยังคงมีคำสั่งซื้อจากพ่อค้าฝั่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ไม่มีคำสั่งปิดด่าน แต่ก็เหมือนปิดเพราะไม่มั่นใจสถานการณ์ที่คลุมเครือ ไม่มีความชัดเจน จึงต้องชะลอการลงทุนออกไปก่อน จนกว่าจะมีความมั่นใจกลับมาค้าขายกันได้เหมือนเดิม ระยะนี้ยังมีรถขนส่งสินค้าเข้าออกบางตา รวมทั้งประชาชนของทั้งสองประเทศที่งดการเดินทาง

economic-business-thai-cambodia-closed-SPACEBAR-Photo04.jpg

กัมพูชาซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคหลากหลายประเภท ที่ได้รับความนิยมจากคนกัมพูชา คือ นมกล่อง เยลลี่ ของหวาน และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่เป็นสินค้าขายดี หากสถานการณ์ชายแดนยืดเยื้อ จะทำให้ประชาชนชาวกัมพูชาได้รับผลกระทบมากกว่าคนไทย และทำให้บรรยากาศการค้าในประเทศเขาแย่ลง 

“เห็นด้วยกับการปิดด่าน เพื่อให้ทางฝั่งกัมพูชารู้ถึงบรรยากาศที่แท้จริงว่า ความเป็นจริงแล้ว ประชาชนชาวกัมพูชาต้องพึ่งพาสินค้าทางไทย ขณะที่ความเข้าใจของชาวกัมพูชาเอง เชื่อว่า ทางไทยจะได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะขายสินค้าไม่ได้ แต่ในขณะที่คนกัมพูชาก็ไม่มีอะไรกิน เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคมาจากฝั่งไทยทั้งหมด บางคนพูดว่าไม่ซื้อสินค้าไทย ก็เปลี่ยนไปซื้อกับประเทศอื่นแทน  แต่สินค้าบางประเภทไม่มีขายในประเทศอื่น มีขายแค่ไทยเท่านั้น มีคุณภาพดีกว่าและเดินทางใกล้กว่าไม่ต้องเพิ่มการลงทุน ขณะที่รัฐบาลมองเรื่องการค้าขาย-เศรษฐกิจ ผลกระทบความเป็นอยู่กับชาวบ้าน ส่วนทหารมองเรื่องความมั่นคงเอกราชของประเทศชาติ มองจุดตรงกลางยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน หากสถานการณ์ความรุนแรงครั้งนี้ยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออก ในช่วงเดือนที่ขายดี ยอดขายอยู่ที่เดือนละกว่า 5 ล้านบาท ช่วงฤดูฝนการค้าขายจะลดลงอยู่ที่ประมาณเดือนละ 3 ล้านบาท มีขึ้นลง”

นักธุรกิจรายนี้ ยังบอกด้วยว่า สถานการณ์ในลักษณะนี้ ตามความคิดเห็นส่วนตัว ต้องการให้ปิดด่านไปก่อน เพื่อให้คนค้าขายจะได้ไม่ต้องลังเล เพราะชัดเจนว่า ต้องวางแผนธุรกิจการค้าขายอย่างไร ชะลอการซื้อขายออกไปก่อน ซึ่งจะเป็นผลดีกับคนค้าขาย  เจ็บหนักจริงแต่จบเรื่อง ทุกอย่างไม่ยืดเยื้อ 

“ถึงตอนนี้ยังคงคำสั่งเปิดด่าน มีออเดอร์คำสั่งซื้อจากลูกค้าทางฝั่งกัมพูชา แต่เราก็ลังเลที่จะส่งสินค้าไปให้ เพราะคำสั่งที่ยังคงเปิดด่านค้าขายไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ตามแนวชายแดน ซึ่ง เหตุการณ์ในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้น สมัยความขัดแย้งเขาพระวิหาร เมื่อปี 2554 ระยะนั้นรัฐบาลมีคำสั่งชัดเจนให้ปิดด่านจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ”

 สำหรับประเด็นการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา รศ.ดร.สุกัญญา เอมอิ่มธรรม ในฐานะอดีตผู้อำนวยการสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบคือ ผู้ประกอบการรายย่อยทั้งไทยและกัมพูชา รวมทั้งแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทยแบบไปเช้าเย็นกลับ เพราะไม่มีรายได้เลี้ยงครอบครัว   

“จากการประเมินสถานการณ์เชื่อว่า หากมีการปิดด่านชายแดน จะเป็นการปิดในเชิงสัญลักษณ์  การปิดถาวรคาดว่าคงไม่เกิดขึ้น เพราะนอกจากแรงงานกัมพูชาจะเข้ามาทำงานในประเทศไทยแล้ว ทางฝั่งกัมพูชาก็มีนักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีทั้งกาสิโนด้วย โรงแรม  บริษัท ห้างร้าน ซึ่งมีเจ้าของเป็นคนไทย หากมีการปิดด่าน จะทำให้กัมพูชาสูญเสียรายได้มหาศาล ชาวกัมพูชาเป็นคนฉลาดในการวางนโยบาย ที่ผ่านมาเขารับการช่วยเหลือจากทุกประเทศ ในขณะที่คนไทยมองว่าเขาด้อยกว่า แต่ความจริงมีชาวกัมพูชามาเรียนที่มหาวิทยาลัยในไทย เขาสามารถฟัง พูด อ่าน และเขียนได้ ในขณะที่คนไทยรู้ภาษากัมพูชาน้อย สถานการณ์ในครั้งนี้คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะฮุนเซน ที่ต้องการทำให้ประชาชนเห็นบทบาทในการเป็นผู้นำประเทศของรัฐบาลมากขึ้น”

economic-business-thai-cambodia-closed-SPACEBAR-Photo05.jpg

นอกจากนี้ รศ.ดร.สุกัญญา ยังได้เล่าย้อนถึงการทำงานช่วยเหลือชาวกัมพูชาเมื่อครั้งอดีต ว่า ประมาณปี 2523-2524 เดินทางไปทำงานที่ชายแดนในพื้นที่ จ.ตราด ในฐานะเจ้าหน้าที่ของ UNHCR หลังจากสิ้นสุดสงครามกลางเมือง ทำให้ชาวเขมรนับแสนคน อุ้มลูกจูงหลานหนีตายเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ช่วงนั้นประเทศไทยได้เปิดพื้นที่ให้ UNHCR ตั้งศูนย์ช่วยเหลือ เหตุการณ์ครั้งนั้น ทั้งสองประเทศไม่มีการทะเลาะขัดแย้งกัน เป็นการเปิดรับให้การช่วยเหลือชาวกัมพูชาที่อพยพเข้ามาไทย ซึ่งต่างจากบรรยากาศขณะนี้

economic-business-thai-cambodia-closed-SPACEBAR-Photo06.jpg

“จากการติดตามข่าวทราบว่า ผู้นำรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ได้โทรศัพท์พูดคุยกัน คาดว่าสถานการณ์ไม่ถึงการปะทะรุนแรง แต่การปิดด่านสำคัญ มีความเป็นไปได้ แต่ปิดได้ไม่นาน เป็นการปิดเชิงสัญลักษณ์ เพราะการปิดด่านชาวกัมพูชาจะได้รับผลกระทบมากกว่า แต่หากปิดด่านและเรียกแรงงานกัมพูชากลับภูมิลำเนา ไทยจะได้รับผลกระทบด้านแรงงานที่เข้ามาทำงานรับจ้างในไทย เช่น ร้านอาหาร ประมง ปั๊มน้ำมัน แต่คาดว่าจะไม่มีการปะทะรุนแรง และไม่ส่งแรงงานกลับประเทศ คิดว่ารัฐบาลทั้งสองประเทศ พูดคุยกันแล้ว สถานการณ์ความขัดแย้งในครั้งนี้ เชื่อว่ามีการวางแผนมาก่อน อยู่ดีๆมีการพูดถึงแนวชายแดน  ปราสาทตาเหมือนธม เหมือนเป็นการยั่วยุกัน สุดท้ายอยู่ดีๆก็กระโดดไปพูดถึงศาลโลก ซึ่งถือว่าเร็วมาก จนคนไทยตามไม่ทัน ปัญหาที่มากกว่าการมีสงครามคือ ปัญหาความยืดเยื้อ ซึ่งต้องยอมรับว่าสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มีการเตรียมการมาแล้ว เพราะคราวนี้กัมพูชาพูดถึงการขึ้นศาลโลกเร็วมาก เชื่อว่าเหตุการณ์ยังคงยืดเยื้อไปอีกนาน”

ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า การค้าในเดือนพฤศจิกายน 2567 ไทยมีมูลค่าการค้ากับกัมพูชาอยู่ที่ 14,893 ล้านบาท สินค้าส่งออก คือ น้ำมันดีเซล น้ำมันสำเร็จรูปอื่น ๆ และน้ำยางข้น 

ส่วนปี 2568 ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน มูลค่าการค้ารวม 70,957 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินค้าส่งออกคือ น้ำมันดีเซล สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร และเครื่องดื่ม มูลค่าการส่งออก 42,040 ล้านบาท และสินค้านำเข้า คือ ก๊าซธรรมชาติ สินแร่ ธัญพืช และผลิตภัณฑ์อื่นๆ มูลค่า 28,917 ล้านบาท  

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์