ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาคดีที่ สุรางคณา วายุภาพ อดีตผู้เข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการกสทช. ฟ้อง ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และคณะกรรมการ กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) การกระทำ ‘นอกเหนืออำนาจหน้าที่-ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ’
โดยตุลาการศาลปกครองกลาง ได้อ่านคำพิพากษาและมีคำพิพากษาให้เพิกถอนการสรรหา และตีความชัดเจนว่าอำนาจการบริหารงานบุคคลรวมทั้งเรื่องสรรหาและแต่งตั้งเลขากสทช.เป็นอำนาจบอร์ดทั้งคณะ
ก่อนหน้านี้สุรางคณา ได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองว่า การดำเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ โดยไม่สุจริตและมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
การดำเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. เป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากประธาน กสทช. ได้กระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ กล่าวคือ ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ไม่มีบทบัญญัติกำหนดให้ ประธาน กสทช. เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. เป็นอำนาจที่ต้องกระทำในรูปองค์คณะซึ่งเป็นองค์กรกลุ่ม
ประธาน กสทช.หรือกรรมการ กสทช.บุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่อาจกระทำในนาม กสทช.ได้ เว้นแต่จะมีกฎหมายให้อำนาจไว้ นอกจากนี้ในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. ได้ประกาศกำหนดไว้ตามข้อ 9 ของประกาศประธานกรรมการ กสทช. เรื่อง รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. ลงวันที่ 17 มีนาคม 2566 อันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของบอร์ดทั้งคณะ
ผลของคำพิพากษานั้น ส่งผลให้ต้องเริ่มการสรรหาใหม่ อย่างไรก็ดีผู้ถูกฟ้องคดีก็อาจอุทธรณ์ ซึ่งต้องทำภายใน 30 วัน
ด้านสุรางคณา กล่าวว่า คำพิพากษาของคดีนี้ ทำให้ผู้ถูกฟ้อง มีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องมาตรา 157 จะโดยผู้ฟ้องหรือ บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งก็ได้ ส่วนตัวขออ่านคำพิพากษาอย่างละเอียดก่อนแล้วคงจะมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะตนเองต้องการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายให้กับองค์กรที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติ องค์กรจะได้เข้าที่เข้าทาง