วิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ในการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 กรมการค้าภายในเร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรไทยในช่วงฤดูกาลผลไม้ ด้วยแผนกระจายผลผลิตให้เข้าถึงตลาดผู้บริโภคอย่างทั่วถึงในประเทศด้วยแคมเปญต่างๆ เชื่อมโยงผลไม้ทุกภาคเข้าสู่ตลาดท่องเที่ยว แผนเชื่อมโยงผลไม้ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการเพิ่มเติมจากการขายปกติ ในช่วง 3 เดือน เม.ย. - มิ.ย. 68 โดยเป้าหมายสินค้าผลไม้ทั้งหมด 122,500 ตัน โดยมีแผนการกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผ่านกลไกสมาคมตลาดกลาง ตลาดค้าส่ง ค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า การจัดงานในจังหวัดต่าง ๆ การจัดจำหน่ายผลไม้ในงานธงฟ้าทั่วประเทศ รวมถึง การจำหน่ายผลไม้ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ขนส่งโดยไปรษณีย์ เป้าหมายปริมาณผลไม้ 22,500 ตัน กับผลไม้ 9 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง มะม่วง ลำไย ลิ้นจี่ สับปะรด และส้มเขียวหวาน และมาตรการการฝากเก็บผลไม้ในห้องเย็นเพื่อส่งออก ไปตลาดในต่างประเทศอีก 100,000 ตัน
“กรมฯ ได้ดำเนินมาตรการหลากหลายด้าน เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาผลไม้ล้นตลาด และสร้างรายได้ที่มั่นคง โดยได้ร่วมมือกับห้างค้าปลีกชั้นนำไม่น้อยกว่า 4 แบรนด์ รวมกว่า 20 สาขาทั่วกรุงเทพฯ จัด เทศกาลบุฟเฟ่ต์ผลไม้ และ เทศกาล Thai fruit Festivals 2025 ให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อผลไม้คุณภาพดีในราคาพิเศษ ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายผลไม้ภายในประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 68 กรมได้ร่วมมือกับ Central The mall และ Paragon ในการจัดกิจกรรม “Mango Fruit Festival” และผลไม้ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นการนำมะม่วงจากจังหวัดต่างๆ มาจำหน่าย โดยครั้งแรก ในห้างเซ็นทรัล อีสวิลล์ ในวันที่ 4-6 เมษายน 68 นี้”
ขณะเดียวกัน ได้มีการขยายจุดกระจายสินค้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน และเกาะสมุยผ่านการจัดกิจกรรมชิมผลไม้ และนำผลไม้จากภาคต่าง ๆ ไปจำหน่ายในพื้นที่ท่องเที่ยว เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ และกระจายผลผลิตให้เข้าถึงผู้บริโภคโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวโดยตรง
อีกหนึ่งมาตรการสำคัญคือการผลักดันการจำหน่ายผลไม้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โดยกรมการค้าภายในได้ร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด สนับสนุน กล่องบรรจุผลไม้จำนวน 200,000 กล่อง เพื่อให้เกษตรกรสามารถส่งผลไม้สดถึงมือผู้บริโภคได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมส่งเสริมการขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดียโดยตรง ลดปัญหาพ่อค้าคนกลางและช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
