นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการสมุนไพรไทย รัฐบาลไทยได้ปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ส่งผลให้เกิด “ตลาดกัญชาบนดิน” ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียง 2 ปี กลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมใหม่ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล
ข้อมูลจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจและสุขภาพระบุว่า ในปี 2567 มูลค่าตลาดกัญชาทั้งระบบในประเทศไทย แตะระดับ 31,800 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะขยายตัวถึง 43,000 ล้านบาท หากไม่มีการจำกัดการใช้อย่างเข้มงวดจากฝ่ายนโยบาย
จุดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเท่าตัว ผู้ใช้ยังคงสูงเกิน 9 ล้านคน
ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี ประเทศไทยมีจุดจำหน่ายกัญชาทั้งแบบร้านค้าจริงและออนไลน์รวมแล้วกว่า 7,747 แห่ง ทั่วประเทศ โดยกรุงเทพมหานคร, นนทบุรี และภูเก็ต เป็นพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของร้านค้าสูงสุด และเริ่มมีการขยายตัวในหัวเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ และเกาะสมุย
ในด้านผู้บริโภค รายงานระบุว่า ในปี 2566 มีผู้ใช้กัญชาจำนวนกว่า 9.9 ล้านคน โดยราว 8 ล้านคนใช้ในอาหารและเครื่องดื่ม และอีก 2 ล้านคนใช้โดยการสูบ แม้ตัวเลขลดลงจากปี 2565 เล็กน้อย (11.1 ล้านคน) แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
กัญชาทางการแพทย์ โอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน?
ขณะที่การใช้เพื่อสันทนาการยังเป็นที่ถกเถียงในทางนโยบาย แต่การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์กลับแสดงศักยภาพในการเติบโตระยะยาว โดยข้อมูลจากสำนักวิจัยด้านสุขภาพระบุว่า ตลาดกัญชาทางการแพทย์ของไทยในปี 2023 มีมูลค่า 86.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละ 64% โดยคาดว่าจะแตะระดับ 2,700 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573
"ประเทศไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ทางเลือกในเอเชีย หากสามารถออกแบบระบบควบคุมที่ปลอดภัยและโปร่งใส"
— ดร.ภัทรวดี เจนจิรวัฒน์ นักเศรษฐศาสตร์สุขภาพ
หลายประเทศ เช่น แคนาดา, เยอรมนี และอิสราเอล ได้สร้างมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งไทยก็มีต้นทุนที่ดี ทั้งในแง่ภูมิอากาศ, ภูมิปัญญาท้องถิ่น และแรงงานเกษตรที่มีประสบการณ์
ความเสี่ยงจากนโยบาย เส้นแบ่งระหว่าง ‘ควบคุม’ กับ ‘ถอยหลัง’
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของอุตสาหกรรมกัญชาไทยยังเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของพรรคร่วมบางพรรคได้แสดงท่าทีต้องการ “ควบคุมการใช้กัญชาอย่างเคร่งครัด” และอาจถึงขั้น “นำกลับไปเป็นยาเสพติด” หากไม่มีการออกกฎหมายควบคุมการใช้อย่างเหมาะสม
"การย้อนกลับไปทำให้กัญชาผิดกฎหมายทั้งหมด จะกระทบต่อเศรษฐกิจฐานรากและผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมาก"
— ภาคีเครือข่ายกัญชาทางการแพทย์
ภาวะ “กึ่งถูกกฎหมาย” ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายลังเลในการลงทุนระยะยาว ขณะเดียวกันผู้บริโภคและผู้ป่วยจำนวนมากก็เริ่มกังวลว่าจะไม่สามารถเข้าถึงการรักษาที่เคยพึ่งพากัญชาได้
โอกาสทองที่ต้องการ “กติกาใหม่”
อุตสาหกรรมกัญชาในไทยอาจเป็นโอกาสทองทั้งทางเศรษฐกิจและด้านสุขภาพ หากรัฐสามารถจัดการกับระบบควบคุมอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการออกใบอนุญาต, การจำกัดอายุผู้ซื้อ, การควบคุมคุณภาพสินค้า และการให้ความรู้ประชาชนอย่างทั่วถึง
หากเดินหน้าอย่างรอบคอบและไม่ถอยหลังไปในจุดเดิม ประเทศไทยอาจเป็นผู้นำด้าน “เศรษฐกิจสีเขียว” ในระดับภูมิภาค และเป็นต้นแบบการใช้พืชสมุนไพรเพื่อการแพทย์ในศตวรรษที่ 21
ขอบคุณข้อมูล : bangkokpost, imarcgroup, Reuters