ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน มาแน่ หลังล่าช้ากว่า 5 ปี

8 มิ.ย. 2568 - 08:19

  • โครงการฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบร่างสัญญาของอัยการสูงสุด ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน

  • เสนอต่อ กพอ.พิจารณา และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างสัญญาฯ

  • คาดลงนามแก้ไขสัญญาได้ภายในเดือนสิงหาคม 2568

ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน มาแน่ หลังล่าช้ากว่า 5 ปี

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลายโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในภาคคมนาคมต่างหยุดชะงัก โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งมีการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เป็นเจ้าของโครงการ และมีบริษัทเอเชีย เอราวัน (จำกัด) หรือ CP เป็นผู้รับสัมปทาน 50 ปี

ล่าสุด จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา วงเงิน 2.24 แสนล้านบาท ว่าขณะนี้โครงการฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบร่างสัญญาของอัยการสูงสุด ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน คาดแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนมิถุนายนนี้ และเสนอต่อ กพอ.พิจารณา โดยคาดว่าจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างสัญญาฯ ต่อไป คาดว่าจะลงนามแก้ไขสัญญาได้ภายในเดือนสิงหาคม 2568 หลังล่าช้ากว่า 5 ปี

ทั้งนี้ข้อมูลจาก รฟท. เมื่อวันที่ 27 มีนาคม อนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่า รฟท. ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟท. ได้พิจารณาเห็นชอบอนุมัติ ร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ฉบับแก้ไขแล้ว โดยขั้นตอนต่อไป ทาง รฟท. จะส่งร่างแก้ไขสัญญาให้ คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน(คณะกรรมการกำกับสัญญา) ตาม พ.ร.บ. อีอีซี ให้ความเห็นก่อน จากนั้นขั้นตอนต่อไป จะส่งร่างสัญญาฉบับแก้ไข ให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบภายในเดือนเมษายน 2568 เพื่อตรวจสอบตามขั้นตอน ซึ่งจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 30 วัน และจากนั้นเมื่อผ่านการตรวจสอบก็ต้องกลับมาที่บอร์ดรถไฟเพื่อรับทราบ

จากนั้นขั้นตอนต่อไป เมื่อ บอร์ดการรถไฟฯ รับทราบ ทาง รฟท. จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี พิจารณา ก่อนที่ส่งต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ และ เมื่อ ครม. อนุมัติ คาดว่าจะมีการลงนามแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ ภายในเดือนมิถุนายน 2568 และ สำหรับแผนก่อสร้าง หลังจากออกหนังสือแจ้งเริ่มงาน (Notice to Proceed: NTP) เอกชนที่จะรับผิดชอบการก่อสร้าง จะต้องเริ่มงานภายใน 30 วัน และ จะใช้เวลาขั้นออกแบบและก่อสร้างทั้งหมด 5 ปี นับจากวันที่ออกหนังสือเริ่มแจ้งงาน และ คาดว่าจะดำเนินการเสร็จและสามารถเปิดให้บริการในช่วงปี 2572

สำหรับหลักการการแก้สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ภายใต้สัญญาใหม่ 5 ข้อ คือ

1. วิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุน (Public Investment Cost : PIC) จากเดิม รัฐจะจ่ายเมื่อเอกชนเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง โดยรัฐจะ “แบ่งจ่าย” เป็นเวลา 10 ปี ปีละเท่า ๆ กันรวมเป็นเงินจำนวน 149,650 ล้านบาท เปลี่ยนมาเป็นรัฐจะจ่ายเป็นงวดตามความก้าวหน้าของงานก่อสร้างที่ รฟท.ตรวจรับวงเงินไม่เกิน 120,000 ล้านบาท แต่มีเงื่อนไขให้เอเชีย เอรา วัน ต้องวางหลักประกันเพิ่มเติมจากสัญญาเดิมรวมเป็นจำนวน 152,164 ล้านบาท เพื่อประกันว่างานก่อสร้างและรถไฟความเร็วสูงจะเปิดให้บริการได้ภายในระยะเวลา 5 ปี กรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างจะทยอยตกเป็นของ รฟท.ทันทีตามงวดการจ่ายเงินนั้น ๆ

2. การกำหนดการชำระค่าสิทธิให้ร่วมลงทุนในโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงค์ (ARL) จะให้เอเชีย เอรา วัน แบ่งชำระค่าสิทธิจำนวน 10,671.09 ล้านบาท ออกเป็น 7 งวดเป็นรายปี ในจำนวนแบ่งชำระเท่าๆ กัน แต่บริษัทจะต้องชำระงวดแรก ณ วันที่ลงนามแก้ไขสัญญากับ รฟท. และบริษัทยังต้องวางหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารในมูลค่าเท่ากับค่าสิทธิ ARL รวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเงินอื่น ๆ ที่ รฟท.จะต้องรับภาระด้วย

3. การกำหนดส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทน (Revenue Sharing) เพิ่มเติม หากในอนาคตอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการลดลงอย่างมีนัยสำคัญและเป็นผลทำให้เอเชีย เอราวัน ได้ผลประโยชน์ตอบแทน (IRR) เพิ่มขึ้นเกินกว่า 5.52% แล้วก็จะให้สิทธิ รฟท.เรียกให้บริษัทชำระส่วนแบ่งผลประโยชน์เพิ่มได้ตามแต่จะตกลงกันต่อไป

4. การ “ยกเว้น” เงื่อนไขการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed : NTP) ให้คู่สัญญาจัดทำบันทึกความตกลงยกเว้นเงื่อนไข NTP ที่ยังไม่สำเร็จ (การรับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ) เพื่อให้ รฟท.สามารถออกหนังสือ NTP ให้กับเอเชีย เอรา วัน ได้ทันทีหลัง 2 ฝ่ายลงนามในการแก้ไขสัญญา และ

5. ป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสถานะทางการเงินของโครงการ โดยทำการปรับปรุงข้อสัญญาในส่วนของ “เหตุสุดวิสัย” กับ “เหตุผ่อนปรน” ให้สอดคล้องกับสัญญาร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในโครงการอื่น

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์