คุณากร ปรีชาชนะชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่จังหวัดตรัง กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 17–18 มิถุนายน 2568 เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในพื้นที่จริง พบว่า ปริมาณผลปาล์มยังสูง แต่เริ่มมีแนวโน้มลดลงแล้ว โดยโรงงานสกัดส่วนใหญ่เดินเครื่องเต็มกำลัง 24 ชั่วโมง แต่บางแห่งต้องหยุดดำเนินการ เนื่องจากเกิดมลพิษจากเครื่องจักรเก่า และเกิดเหตุขัดข้องจนไม่สามารถผลิตต่อได้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัญหาระยะสั้น ๆ 1-2 วัน ก็จะสามารถรับซื้อได้ตามปกติ
ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อไปว่า ได้ลงพื้นที่พบกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ผู้ผลิตปาล์มคุณภาพ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ นำไปจำหน่ายได้ราคา กก.ละ 5.30–5.40 บาท โดยกลุ่มเกษตรกรที่ตัดปาล์มสุกคุณภาพดีจะได้ราคาสูงขึ้น ส่วนปาล์มของเกษตรกรทั่วไปหากนำไปจำหน่ายที่โรงสกัดจะได้รับราคาไม่ต่ำกว่ากก.ละ 5.00 -5.20 บาท ตามคุณภาพ ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่พาณิชย์ลงมากำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรมกับเกษตรกรและเป็นราคาที่สูงกว่า ช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่ได้รับเพียงกก. 4.80 บาท

กระทรวงพาณิชย์ยังเน้นย้ำให้ลานเทรับซื้อผลปาล์มคุณภาพ (ผลสุก สด ไม่แยกลูกร่วง ไม่รดน้ำ) และขอความร่วมมือผู้ตัดปาล์ม ให้ตัดเฉพาะผลปาล์มสุก เพื่อลดการสูญเสียและเพิ่มอัตราการสกัดน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมได้สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบกำกับดูแลการรับซื้อให้ ปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการอย่างเคร่งครัด ซึ่งผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดผ่านคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสม กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันทั้งระบบ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งเกษตรกร และจะเร่งบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป