บัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงได้มีการดำเนิน “โครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมง” อย่างต่อเนื่อง มุ่งสนับสนุนเกษตรกรและชาวประมงในการพัฒนาอาชีพ ควบคู่กับการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นทั่วประเทศ ใน 5 ด้านการทำประมง ประกอบด้วย ด้านประมงทะเลชายฝั่ง ด้านประมงทะเลนอกชายฝั่ง ด้านประมงน้ำจืด ด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และด้านการแปรรูปสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าสัตว์น้ำในพื้นที่ สอดรับกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการยกระดับสินค้าเกษตรท้องถิ่นเป็นสินค้ามูลค่าสูง ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนส่งเสริมการขอรับรองมาตรฐานสำคัญต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของสมาชิกองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในการบริหารจัดการผลผลิตสัตว์น้ำในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการสร้างอาชีพสร้างรายได้ ตลอดจน ยกระดับการแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำในชุมชนให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัยต่อผู้บริโภค

เผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร มีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ขึ้นทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ.1) จำนวนกว่า 3,000 ราย จัดตั้งเป็นองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นทั้งหมด 36 กลุ่ม สำหรับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาสลิดที่ขึ้นทะเบียน ทบ.1 มีจำนวน 309 ราย คิดเป็นพื้นที่กว่า 4,000 ไร่ ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีการเพาะเลี้ยงปลาสลิดมากอันดับต้น ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะอำเภอบ้านแพ้วที่เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงปลาสลิดขนาดใหญ่ มีศักยภาพการผลิตสูง เกษตรกรมีการใช้ลูกพันธุ์คุณภาพที่ผลิตขึ้นเอง ประกอบกับมีแหล่งน้ำที่ดี สามารถใช้ในการเพาะเลี้ยงปลาสลิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาครได้เข้าไปส่งเสริมและให้คำแนะนำในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่การเพาะเลี้ยงจนถึงการแปรรูป อาทิ การขึ้นทะเบียนเกษตรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ. 1) เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์การเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของกรมประมง การพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี (Good Aquaculture Practice: GAP) เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและมาตรฐานของบ่อเลี้ยง รวมถึง การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่กรมประมงมีการวิจัยมาปรับใช้ เช่น เครื่องขอดเกล็ดปลาจากกองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วในการผลิต จากเดิมที่เกษตรกรหนึ่งคนสามารถขอดเกล็ดปลาสลิดได้ 100 กิโลกรัมต่อวัน ปัจจุบันสามารถขอดเกล็ดปลาได้มากถึง 100 กิโลกรัม ภายในหนึ่งชั่วโมง

ด้านอุมารินทร์ เกตพูลทอง รองประธานวิสาหกิจชุมชนปลาสลิดเกษตรพัฒนา กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลาสลิดเกษตรพัฒนา เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการพัฒนาต่อยอดอาชีพเกษตรกรในพื้นที่ และต้องการแก้ไขปัญหาราคาปลาสลิดตกต่ำ จึงมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มมูลค่าผลผลิต ด้วยการแปรรูปและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการจำหน่าย สร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่ โดยทางกลุ่มฯ ได้รับการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจากสำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาคร ในการให้คำปรึกษาด้านต่าง ๆ จนสามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ ปลาสลิดดองเกลือ ปลาสลิดแดดเดียวทั้งตัว ปลาสลิดแดดเดียวแล่ก้าง ปลาสลิดทอดพร้อมรับประทาน และน้ำพริกปลาสลิด ซึ่งมีจุดแข็ง คือ เป็นสินค้าที่ผลิตมาจากต้นน้ำ เนื่องจากเกษตรกรเพาะพันธุ์ลูกปลาเอง และเลี้ยงในฟาร์มที่มีมาตรฐาน ได้รับการคัดเลือกเป็นสินค้า OTOP 5 ดาวของจังหวัดสมุทรสาคร มีการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และได้รับตราสัญลักษณ์ประมงธงเขียวจากกรมประมง ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ว่าสินค้าของกลุ่มฯ มีความสด สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ทางกลุ่มฯ ยังได้มีการวางแผนพัฒนาสินค้า ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน Good Manufacturing Practice (GMP) เพื่อรองรับการส่งออกไปยังต่างประเทศในอนาคตอีกด้วย