ดันอุตฯ แปรรูปกุ้งไทย เป็นวาระแห่งชาติ หวังผลิกฟื้นเป็นเสาหลักของศก.

24 มิ.ย. 2568 - 06:09

  • หารือและยื่นแผนปฏิบัติการ ยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเล

  • หวังให้เป็นวาระแห่งชาติ พ.ศ. 2569-2573 วงเงินงบประมาณ 5,400 ล้าน

  • ความท้าทายนี้ ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นระบบ

ดันอุตฯ แปรรูปกุ้งไทย เป็นวาระแห่งชาติ หวังผลิกฟื้นเป็นเสาหลักของศก.

หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดย  ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และ ประธานคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง พร้อมด้วย ผู้แทนพันธมิตรผู้เลี้ยงกุ้งไทย 22 องค์กร และสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ได้ประชุมหารือกับพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และทีมที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือและยื่นแผนปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติ  พ.ศ. 2569-2573 วงเงินงบประมาณ 5,400 ล้านบาทต่อรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ เปิดเผยหลังหารือร่วมประชุมหารือกับรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และทีมที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทย ได้ให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมแปรรูปกุ้งไทย ซึ่งอุตสาหกรรมกุ้งไทยในอดีตเคยเป็นหนึ่งในเสาหลักของภาคเกษตรกรรมไทย และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยแรงงานที่เกี่ยวข้องมากกว่า 2 ล้านคน โดยในปี 2553 มีผลผลิตสูงสุดกว่า 640,000 ตัน และในปี 2554 มีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 110,000 ล้านบาท และการแปรรูปกุ้งของประเทศไทยยังเป็นที่เชื่อมั่นของตลาดโลก โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยอาหาร เทคโนโยโลยีที่ทันสมัย จนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในหลายประเทศ อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและการจ้างงานเพื่อกระจายเม็ดเงินไปสู่เศรษฐกิจฐานรากอย่างทั่วถึง

economic-business-thai-shrimp-industry-employment-SPACEBAR-Photo01.jpg

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมกุ้งไทยได้ประสบวิกฤตอย่างรุนแรงทั้งมิติเชิงเศรษฐกิจและขาดการวิจัยพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งภายในประเทศ อาทิ วิกฤตโรคตายด่วน หรือ EMS  ที่เริ่มระบาดในปี 2555 ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อภาคการผลิต ส่งผลให้ผลผลิตเฉลี่ยลดลงเหลือเพียง 280,000–290,000 ตันต่อปี และมูลค่าการส่งออกลดต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ประเทศไทยสูญเสียรายได้จากการส่งออกกุ้งรวมกว่า 500,000 ล้านบาทในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันอุตสาหกรรมกุ้งไทยยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับสู่ระดับเดิมได้ ดังนั้นความท้าทายนี้จึงต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นระบบ ทั้งในด้านการพัฒนาระบบการผลิต การวิจัยและจัดการโรค การยกระดับมาตรฐาน และการสนับสนุนเกษตรกรตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อฟื้นฟูศักยภาพของอุตสาหกรรมกุ้งไทยให้กลับมาเป็นผู้นำบนเวทีโลกอีกครั้ง

“หอการค้าไทย พิจารณาเห็นแล้วว่า วันนี้ประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งไทยเป็นการเร่งด่วน อีกทั้งได้รับหนังสือร้องเรียนจากพันธมิตรผู้เลี้ยงกุ้งไทย 22 องค์กร เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาและพลิกฟื้นอุตสาหกรรมกุ้งไทยโดยเร่งด่วน เพื่อจะให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยกลับมาเป็นฟันเฟืองสำคัญและมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงานในประเทศ และต้องขอขอบคุณท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ได้มอบหมายทีมทำงานมาร่วมประชุมหารือและรับฟังประเด็นปัญหาจากตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ซึ่งปัจจุบันแผนปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติอยู่ระหว่างขั้นตอนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประมง นำเสนอเพื่อให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแผนดังกล่าวแล้ว”

ทั้งนี้หากแผนปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติ พ.ศ. 2569-2573 ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีจะช่วยฟื้นศักยภาพการผลิตและแปรรูปอุตสาหกรรมกุ้งไทยกลับสู่ระดับ 600,000 ตัน/ปี ภายใน 3–5 ปี สร้างรายได้ให้กับประเทศไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท/ปี พร้อมย้ำว่า อุตสาหกรรมกุ้งไทย คือ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจการเกษตรและการจ้างงานภายในประเทศ ซึ่งหอการค้าไทย พร้อมสนับสนุนการทำงานและขับเคลื่อนร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง รวมถึง พันธมิตรผู้เลี้ยงกุ้งไทย 22 องค์กร เพื่อร่วมกันผลักดันให้แผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งครั้งนี้ สามารถยกระดับอุตสาหกรรมกุ้งไทยไปสู่ความยั่งยืนโดยเร็ว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์