พลังงานเก่า...สู่ภารกิจใหม่! เชฟรอนประเทศไทยฯ จับมือ ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (ปตท.สผ.อีดี) ส่งมอบ ‘Topside’ หรือส่วนบนของแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมที่ไม่ได้ใช้งานแล้วจำนวน 3 แท่น พร้อมอุปกรณ์ครบชุด เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในแปลงสำรวจ G1/61 และ G2/61 กลางอ่าวไทย สะท้อนพลังความร่วมมือภาคเอกชน-รัฐ ในการผลักดันภาคพลังงานไทยสู่อนาคตสีเขียวอย่างเป็นรูปธรรม
พิธีส่งมอบจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เมื่อ 9 มิถุนายน 2568 ณ ท่าเรือแหลมฉบัง โดยมี กำพล กำเนิดศิริ ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีการประกอบกิจการปิโตรเลียม กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน เป็นผู้แทนภาครัฐร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมด้วยผู้บริหารจากเชฟรอนและ ปตท.สผ.อีดี เข้าร่วมคับคั่ง
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ในฐานะหน่วยงานกำกับ ดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล จึงได้สนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานของผู้รับสัมปทานให้มีกิจกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม
ดังนั้น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจึงได้อนุญาตให้ผู้รับสัมปทานบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด โอนส่วนบนของแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียม (Topside) ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วให้แก่ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต เพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่
แท่น Topside ทั้ง 3 แท่น ถูกจัดซื้อโดย ปตท.สผ.อีดี จากเชฟรอน และได้ทยอยส่งมอบระหว่างวันที่ 28 เมษายน - 9 มิถุนายน 2568 ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด เพื่อนำไปติดตั้งบนแท่นหลุมผลิตในพื้นที่สัมปทานที่ ปตท.สผ.อีดี เป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตจากรัฐ

เบื้องหลังการส่งต่อทรัพยากรครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การประหยัดต้นทุนหรือเวลาการก่อสร้าง แต่ยังลดการนำเข้าวัสดุใหม่ ลดของเสียจากเหล็กกว่า 2,369 ตัน และที่สำคัญ ลดการปล่อยคาร์บอน ได้มากถึง 4,725 ตัน CO₂e ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ ‘สังคมคาร์บอนต่ำ’ ตามนโยบายภาครัฐแบบตรงเป้า
การส่งมอบ Topside เพื่อนำไปใช้ใหม่ในครั้งนี้ จะช่วยลดการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียมในต่างประเทศ และลดระยะเวลาในการจัดหาและก่อสร้าง Topside ใหม่ ทำให้สามารถติดตั้งหลุมผลิตได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณการจัดการของเสียจากเหล็กที่เกิดจากการรื้อถอนประมาณ 2,369 ตัน และทำให้สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือก๊าซคาร์บอนทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ถึง 4,725 ตันอีกด้วย
“ของเก่าไม่ใช่ขยะ แต่คือพลังงานแห่งอนาคต” การรีไซเคิลทรัพยากรในอุตสาหกรรมพลังงานครั้งนี้คือหนึ่งในโมเดลใหม่ของการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน ซึ่งกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
พลังงานสะอาดไม่ใช่แค่พลังงานทางเลือก แต่กำลังกลายเป็น ‘พลังงานหลัก’ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมขับเคลื่อน และวันนี้ แท่นผลิตเก่า 3 แท่น ได้เริ่มต้นบทบาทใหม่ในภารกิจรักษาโลกใบนี้แล้ว
