ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ‘ลายเซ็น’ เองก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!!!
การลงนามในสัญญาด้วยปากกาและกระดาษที่เคยเป็นเรื่องปกติ กลายเป็นสิ่งที่หลายองค์กรเริ่ม ‘ตั้งคำถาม’ ว่าจำเป็นหรือไม่? เพราะทุกวันนี้เราทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ได้เกือบทุกอย่าง ตั้งแต่เปิดบัญชี สมัครบริการ ไปจนถึงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่การลงนามใน ‘สัญญา’ ก็สามารถทำได้ผ่านหน้าจอ และสิ่งที่เรียกว่า e-Contract หรือ สัญญาอิเล็กทรอนิกส์ ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างจริงจัง!
คำถามคือ... มันปลอดภัยจริงหรือ? ถูกกฎหมายไหม? แล้วใครควรเริ่มใช้ก่อน?
“จากลายเซ็นกระดาษ สู่สัญญาดิจิทัล ที่กฎหมายรองรับ” นี่คือสิ่งที่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ ส่งเสริม สนับสนุน และสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์ของประเทศ ตั้งเป็นประเด็น เพื่อพาทุกคนไปเจาะลึก ให้ความรู้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่า ‘e-Contract’ ปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีกฎหมายรับรอง!
ชี้ข้อมูลว่า แม้พระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์จะมีผลใช้ในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี แต่ ‘จุดเปลี่ยน’ ที่ทำให้สังคมหันมาใช้ e-Contract อย่างจริงจัง กลับเกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 ที่ทุกคนต้องเว้นระยะห่าง งดพบเจอ และหาทางดำเนินธุรกิจต่อผ่านช่องทางออนไลน์
การทำสัญญาจึงต้องเปลี่ยนตาม เมื่อการนัดเจอเพื่อเซ็นเอกสารด้วยกันไม่สะดวกอีกต่อไป หลายองค์กรเริ่มหันมาใช้ e-Contract และลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) เพื่อทำสัญญาแบบออนไลน์ แต่ก็ยังมีคำถามคาใจ ว่าแบบนี้จะเชื่อถือได้จริงไหม?
รู้หรือไม่? คุณใช้ e-Contract อยู่ทุกวัน
คำว่า ‘e-Contract’ อาจดูไกลตัว แต่ในชีวิตประจำวันเราใช้มันอยู่แทบตลอด เช่น
• การกดยอมรับเงื่อนไขในแอปหรือเว็บไซต์
• การแนบไฟล์สัญญาผ่านอีเมลแล้วพิมพ์ชื่อท้ายข้อความ
• การเซ็นชื่อบนแท็บเล็ตด้วย Stylus
ทั้งหมดนี้ถือเป็น ‘การแสดงเจตนา’ และ ‘การระบุตัวตน’ ที่เพียงพอต่อการถือว่า เป็นสัญญาที่มีผลทางกฎหมาย และโดยหลักแล้ว หากมีการตกลงกันโดยสมัครใจ และสามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้ลงนาม การทำสัญญานั้นก็ถือว่า ‘สมบูรณ์ตามกฎหมาย’ เช่นเดียวกับสัญญาแบบกระดาษ
แล้วปลอดภัยแค่ไหน? ต้องมีอะไรบ้างถึงจะเรียกว่า “e-Contract ที่สมบูรณ์”
ETDA ให้ข้อมูลความปลอดภัย โดยชี้ถึงลักษณะ e-Contract ที่ปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย ควรมีองค์ประกอบ 3 ด้านหลัก คือ
1. เนื้อหาสัญญาต้องเข้าถึงได้ และไม่ถูกแก้ไข
2. ข้อมูลในสัญญาต้องสามารถเปิดดูย้อนหลังได้ และมีความถูกต้องไม่คลุมเครือ
3. มีลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) ที่แสดงตัวตนชัดเจน
เช่น การเซ็นด้วย Stylus, การกรอก PIN, การลงชื่อท้ายอีเมล หรือ Digital Signature ที่มีระบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันตัวบุคคล
ระบบจัดเก็บต้องปลอดภัย และตรวจสอบย้อนหลังได้
ควรเก็บในระบบกลางขององค์กร มีระบบควบคุมสิทธิ์ ป้องกันการแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต และสามารถตรวจสอบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
ข้อดีมากมาย แต่ทำไมหลายองค์กรยังไม่ใช้?
แม้จะมีข้อดีชัดเจน เช่น ลดเวลา ลดต้นทุน และลดความเสี่ยงจากเอกสารหายหรือปลอมแปลง แต่หลายองค์กรยังไม่กล้าใช้ e-Contract เพราะมีความกังวล เช่น
• ยังไม่มั่นใจว่า e-Contract จะใช้เป็นหลักฐานในศาลได้หรือไม่
• ไม่แน่ใจว่าเทคโนโลยีที่ใช้จะปลอดภัยพอหรือเปล่า
• กลัวถูกปลอมเอกสารหากไม่มีระบบจัดเก็บที่ดี
• กังวลว่าจะต้องลงทุนสูง
• คู่สัญญาอีกฝ่ายอาจยังไม่พร้อม
• ยังขาดแนวทางที่ตอบโจทย์เฉพาะตัวของแต่ละองค์กร
แล้วจะเริ่มใช้ e-Contract อย่างไรดี?
ETDA แนะนำว่า ก่อนอื่น องค์กรควรเริ่มจาก ‘ความเข้าใจ’ ทั้งในแง่กฎหมายและเทคโนโลยี ปัจจุบัน ETDA มี แนวทางแนะนำ (Guideline) ที่ช่วยให้เข้าใจได้ง่าย พร้อมเปิดให้คำปรึกษาเจาะลึก
ที่สำคัญคือ ไม่ต้องลงทุนเยอะเสมอไป องค์กรสามารถเลือกใช้ระบบที่เหมาะสมกับตนเอง เช่น
• การใช้แค่ระบบยืนยันผ่านอีเมลก็เพียงพอในบางกรณี
• หากต้องการความปลอดภัยสูงก็ใช้ Digital Signature
• หรือใช้แนวทางแบบผสม (Hybrid) เช่น ฝ่ายหนึ่งเซ็นด้วยปากกา อีกฝ่ายเซ็นแบบดิจิทัล
หากกระบวนการพิสูจน์ตัวตน และการจัดเก็บข้อมูลถูกต้องตามหลักกฎหมาย ก็ถือว่าสัญญานั้น “สมบูรณ์และมีผลทางกฎหมาย”
e-Contract กำลังก้าวสู่สากล-ยอมรับทั่วโลก
ไม่เพียงแค่ในประเทศ โดยอีกหนึ่งความก้าวหน้าคือการที่ประเทศไทยได้เข้าร่วม อนุสัญญา ECC ขององค์การสหประชาชาติ ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในไทยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ซึ่งจะช่วยให้ e-Contract ที่จัดทำในประเทศไทย สามารถใช้อ้างอิงได้ในระดับสากล
ผู้เชี่ยวชาญจาก ETDA สรุปชัดเจนว่า e-Contract ไม่ได้มีไว้เพื่อบังคับให้ทุกคนเปลี่ยน แต่คือ “โอกาส และทางเลือกใหม่” ที่ปลอดภัย ถูกกฎหมาย ประหยัดทรัพยากร และเพิ่มประสิทธิภาพได้จริง ทั้งนี้ หากองค์กรใดต้องการใช้ แต่ยังขาดความมั่นใจ หรือมีข้อลังเลใดๆ สามารถปรึกษา ETDA เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เป็นไปอย่างมั่นใจในทุกองค์กร และก้าวสู่อนาคตดิจิทัลเต็มรูปแบบให้ ‘คลิกเดียวปิดดีลได้’