ราคาทองคำโลกและทองคำในประเทศไทยพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเดือน หลังเกิดเหตุการณ์ อิสราเอลเปิดฉากโจมตีเป้าหมายในอิหร่าน ส่งผลให้ความกังวลต่อสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้น และกระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อ ทองคำ ในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven)
ความตึงเครียดตะวันออกกลาง จุดชนวนความผันผวนตลาดการเงิน
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ตามเวลาท้องถิ่น มีรายงานว่า กองทัพอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการทางอากาศต่อเป้าหมายหลายจุดในอิหร่าน โดยเฉพาะในเมืองนาแทนซ์ (Natanz) ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของอิหร่าน นอกจากนี้ยังมีการโจมตีในกรุงเตหะรานและเมืองอิสฟาฮาน ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อเสถียรภาพของภูมิภาค และจุดชนวนให้ตลาดโลกเกิดความตื่นตระหนก
ราคาทองคำโลกพุ่งแตะ $3,452 ต่อออนซ์
ภายหลังเหตุการณ์โจมตี ราคาทองคำในตลาดโลก (Gold Spot) ขยับขึ้นทันทีเกือบ 1.45% แตะระดับ 3,452.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเดือน นักลงทุนทั่วโลกต่างเร่งกระจายความเสี่ยงและลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น โดยเน้นไปยัง ทองคำ, เยนญี่ปุ่น และฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นสกุลเงินที่มีเสถียรภาพสูง
ราคาทองในไทยวันนี้ ขยับจ่อแตะ 52,600 บาท
ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำเมื่อเวลา 10:24 น. ของวันที่ 13 มิ.ย. 2568 พบว่า:
ทองคำแท่ง 96.5%
- รับซื้อ: 52,450 บาท
- ขายออก: 52,550 บาท
ทองรูปพรรณ 96.5%
- รับซื้อ: 51,407.56 บาท
- ขายออก: 53,350.00 บาท
ราคาทองคำในประเทศสะท้อนแรงกดดันจากตลาดโลกโดยตรง ขณะที่ค่าเงินบาทที่ผันผวนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญต่อทิศทางราคาในระยะสั้น
ทองคำยังมีลุ้นแตะ $3,600 หากสงครามอิสราเอล–อิหร่านยืดเยื้อ
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ (AVP บล.กรุงศรี) เผยราคาทองคำทะลุ $3,400 แล้ว หากยืนเหนือได้ มีโอกาสขึ้นต่อถึง $3,600 ตามแนว Fibonacci และแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
แนะแบ่งขายเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน $3,450–$3,496 และตั้งจุด Stop Loss ที่ $3,350 สำหรับนักลงทุนที่ตามราคาสูง พร้อมย้ำ “ต้องแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะทองคำยังไม่เป็นขาขึ้นถาวร”