
คำสอนจากอีแฮซุกที่ได้บอกกับอียองแอ (รับบทโดย อีจองอึน) โดยก่อนที่แฮซุกจะจากไปยองแอได้เว้าวอนว่าอยากเป็นเหมือนกับเธอให้ได้ แต่แฮซุกก็ปฏิเสธไม่สนับสนุนความคิดนี้เพราะไม่อยากให้ยองแอถูกคนอื่นๆ ต่อว่าเหมือนกับที่เธอประสบในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ การปล่อยเงินกู้เหมือนจะสุขสบายแต่ก็ต้องแลกกับคำด่าทอจากคนอื่น เปรียบได้ว่าถ้าเติบโตมากับสภาพแวดล้อมไม่ดีก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดื้อด้านหรือเป็นคนไม่ดีตามสภาพแวดล้อมที่เติบโตขึ้นมา

ประโยคธรรมดาๆ ที่หลายคนคงรู้ดีว่าความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ประโยคนี้จากอีแฮซุกก็เหมือนกับการดึงสติให้เราใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีสติรอบคอบโดยไม่ต้องกังวลถึงความตาย เพราะอย่างไรสักวันคนเราก็ต้องจากโลกนี้ไปกันทั้งนั้นไม่ว่าช้าหรือเร็ว

ต่อด้วยเหตุการณ์หลังจากอีแฮซุกตายไปและเมื่อยมทูตต้องมารับตัว ฉากนี้เป็นการพูดคุยระหว่างยมทูตและอีแฮซุกที่เธอได้ถามว่าถ้าตายแล้ว “ความเจ็บป่วยหรือโรคภัยก็หายไปด้วยใช่ไหม” ยมทูตจึงตอบกลับไปว่า “เมื่อตายไปเราจะเอาอะไรติดตัวไปด้วยไม่ได้ แม้กระทั่งโรคภัย” ประโยคนี้ถ้ามองลึกลงไปใช่ว่าจะหมายถึงแค่เรื่องโรคร้ายอย่างเดียว แต่รวมไปถึงเรื่องของทรัพย์สินเงินทองที่เมื่อตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้้เช่นเดียวกัน

“ทุกคนต่างซ่อนความทรงจำที่แสนเศร้าและอัดอั้นตันใจเอาไว้” ประโยคนี้พอได้เห็นก็อยากให้ไปเลย 10 คะแนนเต็ม เพราะทุกคนย่อมมีความเศร้าที่ซ่อนไว้ในใจ อยู่ที่ว่าแต่ละคนมีวิธีในการปลดปล่อยหรือระบายความเศร้าในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง

ปิดท้ายด้วย “ทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง” ที่ใช้ได้กับหลายสถานการณ์เพราะทุกคนย่อมมีเหตุผลในการกระทำแต่ละอย่างเป็นของตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าจะรู้ตัวหรือไม่ว่าเหตุผลในการกระทำแต่ละอย่างนั้นทำเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร อย่างในซีรีส์ประโยคนี้เกิดขึ้นเมื่ออีแฮซุกต้องการจะท่องเวลาไปหาแม่ของตัวเองที่สวรรค์ในยุค 1950s ทำให้ได้พูดคุยกับผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนสวรรค์ถึงสาเหตุที่เธออยากท่องเวลากลับไปในยุคนั้น