สารหนูปนเปื้อนแม่น้ำกก กระทบชาวบ้านหวาดกลัว-การท่องเที่ยวย่ำแย่

11 มิ.ย. 2568 - 03:27

  • ปัญหาสารหนูและโลหะหนักปนเปื้อนแม่น้ำกก ในจังหวัดเชียงใหม่-เชียงราย ยังไร้ทางออก

  • ชาวบ้านเดือดร้อนหวั่นกระทบการเกษตร-ประมง วอนรัฐเร่งมาตรการแก้ไขป้องกันระยะสั้นระยะยาว

  • ประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงราย แนะเปิดแถลงข่าวให้ข้อมูลเป็นหนึ่งเดียว สร้างความมั่นใจประชาชน-ป้องกันความสับสน หลังข่าวสารหนูปนเปื้อนแม่น้ำทำท่องเที่ยวซบเซาหนัก

สารหนูปนเปื้อนแม่น้ำกก กระทบชาวบ้านหวาดกลัว-การท่องเที่ยวย่ำแย่

เรื่องราวของแม่น้ำกกที่พบว่ามีการปนเปื้อนโลหะหนักอย่าง สารหนู มลพิษข้ามแดนที่เกิดจากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ทำให้สารพิษไหลมาตามแม่น้ำที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงชีวิตของประชาชนคนไทยทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงรายมาตั้งแต่อดีต แต่ในปัจจุบันนี้ สายน้ำแห่งชีวิต ‘แม่น้ำกก’ กลายเป็นสายน้ำมรณะ ที่ไม่เพียงแต่ชาวบ้านเท่านั้นที่หวาดกลัว นักท่องเที่ยวที่เคยวางแผนจะเดินทางมาเที่ยวก็ต้องเปลี่ยนแผนเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย

Heavy-metal-arsenic-contaminates-Kok-River-causing-fear-among-locals-and-slowing-tourism-SPACEBAR-Photo02.jpg

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านแก่งทรายมูล ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบริเวณแรกที่แม่น้ำกกไหลเข้ามายังประเทศไทย ชาวบ้านในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า “ก่อนที่จะมีการตรวจพบสารหนูนั้น สิ่งที่แตกต่างจากเดิมคือ สีของแม่น้ำกก ที่เปลี่ยนจากน้ำใสๆ สามารถเห็นตัวปลาได้ กลายเป็นสีน้ำตาล ซึ่งในทีแรกคิดว่าเป็นผลมาจากอุทกภัย แต่เวลาผ่านไปสีของน้ำก็ยังเป็นสีน้ำตาล จนนำไปสู่การตรวจสอบน้ำและพบสารพิษในที่สุด”

“การที่แม่น้ำกกปนเปื้อนสารหนูนั้น ส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตของชาวบ้านเป็นอย่างมาก ชีวิตประจำวันที่เคยอยู่ร่วมกับแม่น้ำอย่างการ เล่นน้ำ หาปลา นำน้ำมาใช้ ตอนนี้ก็เปลี่ยนไป ชาวบ้านพยายามจะหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำในแม่น้ำให้ได้มากที่สุด ส่วนน้ำที่ใช้ในหมู่บ้านตอนนี้เป็นน้ำจากภูเขา”

“สิ่งที่กังวลต่อมาคือ ในฤดูฝนนี้จะมีน้ำท่วมหรือไม่ หากน้ำท่วมขึ้นมาจริงๆ ชาวบ้านจะต้องรับมืออย่างไร ทั้ง น้ำ โคลน และสารพิษ ส่วนการท่องเที่ยวในฤดูแล้งที่นักท่องเที่ยวจะมาพักผ่อนริมน้ำก็แทบจะกลายเป็นแค่ฝัน เพราะปัญหาดังกล่าวยังไม่คลี่คลายและไม่รู้ว่าจะดีขึ้นหรือย่ำแย่ลง”

Heavy-metal-arsenic-contaminates-Kok-River-causing-fear-among-locals-and-slowing-tourism-SPACEBAR-Photo03.jpg

ชาวบ้าน ยังบอกด้วยว่า “ในอนาคตของลูกหลานจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่ทราบได้ เนื่องจากชาวบ้านคงไม่สามารถทำอะไรได้ คงต้องให้เป็นหน้าที่ของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ อยากให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดลงพื้นที่มากขึ้น แล้วรวบรวมข้อมูลและประกาศไปในแนวทางเดียวกันเพื่อป้องกันความสับสน อีกอย่างคือชาวบ้านไม่อยากจะพูดออกสื่อแล้ว ให้ข้อมูลได้ แต่ไม่ขอเปิดเผยตัวตน เพราะหลายครั้งข้อมูลผิดพลาดจนนำมาซึ่งความขัดแย้ง”

Heavy-metal-arsenic-contaminates-Kok-River-causing-fear-among-locals-and-slowing-tourism-SPACEBAR-Photo V01.jpg

พระมหานิคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวบ้านมีความหวาดกลัวในเรื่องสารพิษ อยากให้หลายๆ หน่วยงานเข้ามาดูแลและมีมาตรการป้องกันให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด

“การป้องกันแก้ไขก็ต้องมี 2 ระยะ สั้นและยาว คือสิ่งที่ชาวบ้านอยากทราบ ในตอนนี้สารพิษยังอยู่ในเกณฑ์ที่เกินมาไม่มาก ยังพอป้องกันแก้ไขได้ แต่หากในอนาคตพบว่าสารพิษนั้นได้เข้าสู่ร่างกายประชาชนเกิดเจ็บป่วยมา ถึงตอนนั้นก็คงจะสายเกินไป”

Heavy-metal-arsenic-contaminates-Kok-River-causing-fear-among-locals-and-slowing-tourism-SPACEBAR-Photo04.jpg

พื้นที่ ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์จากแม่น้ำกกมาอย่างยาวนาน โดยขณะนี้ผลกระทบจากการที่แม่น้ำปนเปื้อนสารหนูค่อยๆ เพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ชาวบ้านเริ่มมีความกังวลใจในการที่จะนำน้ำจากแม่น้ำกกมาใช้ทางการเกษตรกรรม ซึ่งหากจะหาแหล่งน้ำอื่นๆ มาใช้แทนก็คงลำบากเพราะแม่น้ำกก เป็นยุทธศาสตร์ที่ดีมากในการตั้งถิ่นฐาน ประกอบอาชีพ ฯลฯ แต่ก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไรหากปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข

การใช้ชีวิตของชาวบ้านก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือการประมงอย่างการจับปลาในแม่น้ำกกมาขายในตอนนี้ประสบปัญหาลูกค้าไม่ซื้อ คำถามยอดฮิตในตลาดขายปลาคือจับมาจากแม่น้ำอะไรเป็นปลาเลี้ยงหรือปลาแม่น้ำ หากเป็นแม่น้ำกกแน่นอนว่าเกือบ 100% เลือกที่จะเดินหนี ซึ่งชาวบ้านก็อยากจะให้ปัญหานี้คลี่คลายโดยเร็วชาวบ้านไม่อยากไปถึงขั้นที่ต้องโกหกลูกค้า

การท่องเที่ยวเองก็เริ่มเห็นถึงผลกระทบ เรียกได้ว่าเป็นวิกฤติครั้งใหญ่ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพขับเรือรับ-ส่งนักท่องเที่ยวในแม่น้ำกก เล่าว่า ไม่เคยเจอปัญหาเกี่ยวกับแม่น้ำปนเปื้อนสารพิษในลักษณะนี้มาก่อน ตอนนี้ลำบากมาก นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติลดลงไปจำนวนมากเนื่องจากกังวลเรื่องสารหนูในแม่น้ำ หากเปรียบเทียบรายได้ของเดือนพฤษภาคมปี 2567 ที่รายได้ประมาณ 10,000 บาท แต่ เดือนพฤษภาคม 2568 เหลือเพียงไม่เกิน 3,000 บาท

Heavy-metal-arsenic-contaminates-Kok-River-causing-fear-among-locals-and-slowing-tourism-SPACEBAR-Photo01.jpg

วิโรจน์ ชายา ประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ตอนนี้การท่องเที่ยวเชียงรายย่ำแย่กว่าตอนที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักท่องเที่ยวชาวไทยหาย นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ลดลงอยู่แล้วก็ลดลงมากไปอีก ทำให้ด้านของการท่องเที่ยวน่าเป็นห่วง มีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวจะลดลง และไปเที่ยวจังหวัดอื่นหากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

“สิ่งแรกที่มองก็คือตอนนี้ภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการยังไม่ไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นควรจะมีเวทีคุยกันว่าสารต่างๆ ที่เกินค่ามาตรฐานมันอันตรายมากน้อยขนาดไหน แบ่งเป็นระดับในประเทศไทยและในต่างประเทศ ซึ่งต้องมีเวทีแถลงข่าวร่วม คุยกันว่าจะแถลงข่าวเรื่องอะไรประเด็นไหนทั้งระยะสั้นระยะยาวจะเป็นอย่างไร เพื่อให้ประชาชนเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน”

“สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในจังหวัดเชียงรายก็มีอีกหลายแห่งที่ไม่ได้อยู่ติดกับแม่น้ำกก ซึ่งสถานประกอบการอย่างโรงแรมก็ใช้น้ำประปากับน้ำบาดาลเป็นส่วนใหญ่ ก็อยากจะให้นักท่องเที่ยวทราบข้อมูลในส่วนนี้ด้วย”

ประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ กล่าวอีกว่า ภาพรวมของการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายตอนนี้เรียกว่าซบเซาเนื่องจากประสบปัญหาหลายอย่าง ทั้งจากโควิด19 เจอปัญหาน้ำท่วมต่อ ปัญหาฝุ่นพิษ รวมถึงปัญหาแผ่นดินไหว ตึกถล่ม แม้จะไม่เกิดที่จังหวัดเชียงราย แต่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยนักท่องเที่ยวก็เหมารวมไปแล้ว ต่อมาก็มาเจอกับปัญหาสารพิษในแม่น้ำอีก

“สถานการณ์ ณ วันนี้เริ่มมีผู้ประกอบการบางรายเริ่มที่จะปรับการจ้างพนักงานให้พนักงานทำงานสลับวันหรือเลิกจ้างพนักงาน เรียกได้ว่าหนักหนาสาหัสเป็นอย่างมาก”

Heavy-metal-arsenic-contaminates-Kok-River-causing-fear-among-locals-and-slowing-tourism-SPACEBAR-Photo05.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์