ดูเหมือนว่าสงครามระหว่างอิสราเอล-อิหร่านจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีเป้าหมายนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อวันศุกร์ (13 มิ.ย.) และในวันเดียวกัน อิหร่านก็โต้กลับด้วยการยิงโดรนกว่า 100 ลำไปยังอิสราเอล รวมถึงตอนเช้ามืด (14 มิ.ย.) อิหร่านก็ยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกใส่อิสราเอลอีกด้วย
SPACEBAR พามาเปรียบเทียบคลังอาวุธระหว่าง ‘อิสราเอล VS อิหร่าน’ ว่าประเทศไหนแข็งแกร่งกว่ากัน
ระบบป้องกันภัยทางอากาศ

-อิหร่าน-
อิหร่านมีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ‘Azarakhsh’ ซึ่งเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะสั้นและระดับต่ำที่มีความคล่องตัวสูง ระบบนี้ประกอบด้วยเรดาร์แบบ เสาอากาศแบบอาร์เรย์ (phased array) ที่ครอบคลุม 360 องศา และระบบติดตามเป้าหมายด้วยกล้องอิเล็กโทร-ออปติกและอินฟราเรด (thermal imaging) เพื่อการตรวจจับและติดตามเป้าหมายอย่างแม่นยำ
อาวุธหลักของระบบคือ จรวด ‘Azarakhsh’ ซึ่งเป็นจรวดนำวิถีด้วยอินฟราเรด (infrared-guided missile) ที่มีความสามารถ ‘ยิงแล้วลืม’ (fire-and-forget / ขีปนาวุธที่สามารถนำตัวเองไปยังเป้าหมายได้หลังจากปล่อย โดยไม่ต้องอาศัยการนำทางเพิ่มเติมจากผู้ยิง) จรวดนี้มีความยาว 3 เมตร น้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม ติดตั้งหัวรบแรงระเบิดสูงน้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม และมีระยะยิงสูงสุดประมาณ 10 กิโลเมตร ความเร็วจรวดสูงถึง 1.8 มัค
-อิสราเอล-
ส่วนระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ถือเป็นหัวใจกลักของอิสราเอลก็คือ ระบบ ‘Iron Dome’ ซึ่งมีเรดาร์ตรวจจับจรวด หรือขีปนาวุธที่ยิงเข้ามาจากแดนอื่น อีกทั้งยังสามารถประเมินความเร็วและทิศทางของเป้าหมายได้ ระบบนี้จะคัดกรองว่าเป้าหมายใดเป็นภัยคุกคามจริงๆ หากขีปนาวุธชนิดใดที่ไม่เป็นภัยต่อประเทศ ระบบจะปล่อยให้ตกในพื้นที่ว่างเปล่า แต่หากเป็นภัยคุกคาม ระบบก็จะยิงขีปนาวุธสกัดกั้นในอากาศ
Iron Dome เป็นระบบเคลื่อนที่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันภัยจากจรวดระยะสั้น และกระสุนปืนใหญ่ โดยมีระยะตรวจจับและสกัดกั้นประมาณ 5-70 กิโลเมตร ระบบนี้มีการพัฒนาและอัปเกรดอย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มความสามารถในการสกัดกั้นโดรนและขีปนาวุธครูสที่มีลักษณะบินต่ำและช้า ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค
จำนวนทหาร

-อิหร่าน-
กองทัพของอิหร่านมีทหารประจำการประมาณ 610,000 นาย :
- กองทัพบก 350,000 นาย
- กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) 190,000 นาย
- กองทัพเรือ 18,000 นาย
- กองทัพอากาศ 37,000 นาย
- กองกำลังป้องกันภัยทางอากาศ 15,000 นาย
- กองกำลังสำรองอีกประมาณ 350,000 นาย
-อิสราเอล-
กองทัพอิสราเอลมีทหารประจำการประมาณ 169,500 นาย :
- กองทัพบก 126,000 นาย
- กองทัพเรือ 9,500 นาย
- กองทัพอากาศ 34,000 นาย
- กองกำลังสำรองจำนวน 465,000 นาย
กองทัพอากาศ

-อิหร่าน-
กองทัพอากาศอิหร่านมีเครื่องบินรบที่พร้อมปฏิบัติการ 312 ลำ มีเฮลิคอปเตอร์โจมตี 2 ลำ ขณะที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) มีเครื่องบินรบ 23 ลำ
แม้ว่าอิหร่านจะประกาศฟื้นฟูกองทัพอากาศหลังจากถูกโจมตีในเดือนตุลาคม 2024 แต่สำนักข่าว Forbes รายงานว่าอิสราเอลสามารถโจมตีอิหร่านได้ ‘เกือบจะไร้การต่อต้าน’ เนื่องจากกองทัพอากาศของอิหร่านประสบปัญหาความล้าสมัยอย่างรุนแรง
เครื่องบินรบของอิหร่านอย่าง ‘MiG-29’ ซึ่งใช้งานมาแล้วอย่างน้อย 35 ปีโดยที่ไม่ได้รับการอัปเกรดเลยในช่วงที่ผ่านมา ทั้งยังมีเครื่องบิน ‘F-14A Tomcat’ ของอิหร่านที่ใช้งานมาุราวครึ่งศตวรรษ รวมถึงเครื่องบินรุ่นที่ 3 อย่าง ‘F-4 Phantom II’ และ ‘F-5 Tiger’ ที่เป็นหนึ่งในเครื่องบินรบรุ่นเก่าที่ยังประจำการอยู่ทั่วโลก
-อิสราเอล-
อิสราเอลมีเครื่องบินรบที่พร้อมปฏิบัติการได้ประมาณ 345 ลำ และเฮลิคอปเตอร์โจมตี 43 ลำ อิสราเอลจะมีเครื่องบินรบที่ทันสมัยและได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ทำให้กองทัพอากาศของอิสราเอลมีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยี และมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติการมากกว่า
กองกำลังภาคพื้นดิน

-อิหร่าน-
- อิหร่านมีรถถังรบอย่างน้อย 10,513 คัน
- ปืนใหญ่ 6,798 กระบอก
- รถหุ้มเกราะบรรทุกพลมากกว่า 640 คัน
- กองทัพบกมีเฮลิคอปเตอร์ 50 ลำ ขณะที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) มีเฮลิคอปเตอร์ 5 ลำ
จากข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าอิหร่านมีจำนวนรถถังรบ และปืนใหญ่มากกว่าอิสราเอลอย่างชัดเจน นอกจากนี้ อิหร่านยังมีความได้เปรียบด้านจำนวนกำลังพลและยุทโธปกรณ์พื้นฐานด้วย
-อิสราเอล-
- อิสราเอลมีรถถังรบประมาณ 400 คัน
- ปืนใหญ่ 530 กระบอก
- รถหุ้มเกราะบรรทุกพลมากกว่า 1,190 คัน ซึ่งมีมากกว่าอิหร่าน
อุปกรณ์ทางทหารและเทคโนโลยีของอิสราเอลจะมีความทันสมัยมากกว่า เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทำให้อิสราเอลมีศักยภาพทางทหารที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพสูงกว่า
กองทัพเรือ

-อิหร่าน-
- กองทัพเรือของอิหร่านมีเรือดำน้ำเชิงยุทธวิธี 17 ลำ
- เรือปฏิบัติการชายฝั่งและเรือตรวจการณ์ 68 ลำ
- เรือคอร์เวต 7 ลำ
- เรือยกพลขึ้นบก 12 ลำ
- เรือยกพลขึ้นบกขนาดเล็ก 11 ลำ
- เรือขนส่งและลอจิสติกส์ 18 ลำ
ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าอิหร่านมีจำนวนเรือดำน้ำและเรือปฏิบัติการชายฝั่งมากกว่าอิสราเอลอย่างชัดเจน รวมถึงมีเรือเรือยกพลขึ้นบกจำนวนมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติการทางทะเลและการสนับสนุนทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาค
-อิสราเอล-
- กองทัพเรือของอิสราเอลมีเรือดำน้ำ 5 ลำ
- เรือตรวจการณ์และเรือรบชายฝั่งจำนวน 49 ลำ
แม้อิสราเอลมีเรือดำน้ำและเรือรบชายฝั่งที่น้อยกว่า แต่ระบบและเทคโนโลยีของกองทัพเรืออิสราเอลกลับมีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพการโจมตีสูงกว่า
ขีปนาวุธ

-อิหร่าน-
อิหร่านมีขีปนาวุธติดหัวรบแบบยิงพิสัยกลางและพิสัยสั้นอย่างน้อย 12 ประเภท ครอบคลุมตั้งแต่ขีปนาวุธ ‘Tondar’ 69 มีระยะยิงประมาณ 150 กิโลเมตร (93 ไมล์) ไปจนถึงขีปนาวุธ ‘Khorramshahr’ และ ‘Sejjil’ ที่มีระยะยิงสูงสุดถึง 2,000 กิโลเมตร (1,243 ไมล์)
ขีปนาวุธเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่ระยะสั้นที่เหมาะสำหรับการโจมตีในภูมิภาคใกล้เคียง ไปจนถึงระยะกลางที่สามารถโจมตีเป้าหมายในระยะไกลขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลางและพื้นที่ใกล้เคียงได้
-อิสราเอล-
อิสราเอลมีขีปนาวุธติดหัวรบอย่างน้อย 4 ประเภท ครอบคลุมตั้งแต่ขีปนาวุธพิสัยสั้น กลาง และพิสัยกลาง-ยาว :
- ขีปนาวุธ ‘LORA’ มีระยะยิงประมาณ 280 กิโลเมตร (174 ไมล์)
- ขีปนาวุธ ‘Jericho-3’ มีระยะยิงอยู่ระหว่าง 4,800-6,500 กิโลเมตร
ขีปนาวุธเหล่านี้ช่วยให้อิสราเอลมีความสามารถในการโจมตีเป้าหมายในระยะใกล้และระยะไกล รวมถึงเป้าหมายที่อยู่ในระดับขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งทำให้อิสราเอลมีศักยภาพทางยุทธศาสตร์สูงในการป้องกันและตอบโต้ภัยคุกคามในภูมิภาคและนอกภูมิภาค
ศักยภาพด้านนิวเคลียร์

-อิหร่าน-
อิหร่าน ‘ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์’ แต่ก็ดำเนินกิจกรรมทางนิวเคลียร์ซึ่งทางการยืนยันว่าเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางสันติ แต่กิจกรรมทางนิวเคลียร์เหล่านี้ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับอิสราเอลและประเทศตะวันตก รวมถึงสหรัฐฯ
-อิสราเอล-
จากข้อมูลของ ‘Arms Control Association’ องค์กรในสหรัฐฯ ที่ติดตามอาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลกระบุว่า อิสราเอลมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 90 ลูก และเป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์เก็บไว้ในสถานะที่ ‘พร้อมใช้งาน’
(Photo by Jack GUEZ / AFP)