ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาอย่างรวดเร็ว การทดลองทางคลินิกไม่ใช่แค่ ‘ขั้นตอน’ ในการพัฒนายาอีกต่อไป แต่คือหัวใจสำคัญในการยกระดับระบบสาธารณสุขของประเทศ ขณะเดียวกัน ยังเป็น ‘จุดขาย’ ที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และวางรากฐานเศรษฐกิจสุขภาพที่แข็งแกร่ง
ประเทศไทยเองกำลังเดินหน้าเข้าสู่เส้นทางนี้อย่างจริงจัง ล่าสุด สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จับมือกับ โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) บริษัทยาระดับโลกจากเดนมาร์ก ลงนามความร่วมมือเพื่อยกระดับมาตรฐานวิจัยคลินิกในไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ พร้อมขยายโอกาสในการเข้าถึงยานวัตกรรมสำหรับคนไทยทั่วประเทศ
พิธีลงนามจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยมี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการ สวรส. และเอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ ผู้จัดการทั่วไป โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) ลงนามร่วมกัน โดยมี ฯพณฯ นายแดนนี แอนนัน เอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน

สร้างระบบสุขภาพที่แข็งแรง จากงานวิจัยที่มีคุณภาพ
นพ.ศุภกิจ เผยว่า ประเทศไทยมีพื้นฐานที่เข้มแข็งในหลายมิติ ทั้งระบบโรงพยาบาลที่ครอบคลุมทุกระดับ การผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่หลากหลาย รวมถึงระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่เข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งทั้งหมดคือ ‘ต้นทุนสำคัญ’ ที่พร้อมจะต่อยอดสู่การเป็นศูนย์กลางการวิจัยทางคลินิกของภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ความพร้อมเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ ประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนาเครือข่ายศูนย์วิจัยคลินิกที่ได้มาตรฐานสากล กระจายโอกาสไปสู่ภูมิภาค พัฒนาบุคลากรวิจัยให้เชี่ยวชาญ และวางระบบสนับสนุนอย่างครบวงจร ทั้งด้านจริยธรรม กฎหมาย และการบริหารจัดการข้อมูลสุขภาพ

“เราตั้งเป้าหมายชัดเจนว่าจะพัฒนาเครือข่ายศูนย์วิจัยทางคลินิกที่ได้มาตรฐาน 30 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากนักวิจัยทั่วโลก และเปิดโอกาสให้คนไทยเข้าถึงยาทดลองใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย” นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ กล่าว
เอกชนพร้อมหนุน ดันไทยเป็นศูนย์กลาง R&D แห่งเอเชีย
ในมุมภาคเอกชน เอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ ผู้บริหารโนโว นอร์ดิสค์ ประเทศไทย ย้ำว่า บริษัทเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางด้านสุขภาพ และพร้อมร่วมลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านวิจัยทางคลินิกอย่างจริงจัง

ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทเพิ่มการลงทุนด้านวิจัยในประเทศไทย เฉลี่ย 25% ต่อปี รวมมูลค่ากว่า 370 ล้านบาท พร้อมทั้งมีเป้าหมายขยายงานวิจัยทางคลินิกให้ครอบคลุมยาที่เป็นนวัตกรรมมากขึ้น โดยเน้นโรคที่เรื้อรังและซับซ้อน เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหายาก
“เรามองเห็นไทยเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมการวิจัยในภูมิภาค และมั่นใจว่าความร่วมมือกับ สวรส. จะช่วยยกระดับมาตรฐานวิจัยของไทยให้เทียบเท่าระดับโลกได้” เอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ กล่าว
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระดับชาติ
ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ “ความร่วมมือเชิงสัญลักษณ์” แต่คือจุดเริ่มต้นของการวางระบบนิเวศวิจัยที่มีคุณภาพ โปร่งใส และสามารถสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ทั้งในแง่ของสุขภาพประชาชนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสุขภาพที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นกลไกสำคัญของประเทศในยุคหลังโควิด
ในระยะยาว ไทยจะไม่ใช่แค่ ‘ผู้ใช้ยา’ ที่ผลิตจากต่างประเทศ แต่สามารถก้าวขึ้นเป็น ‘แหล่งวิจัยต้นทาง’ ที่พัฒนายานวัตกรรมร่วมกับบริษัทชั้นนำระดับโลกได้อย่างภาคภูมิ
