‘นายกฯ’ ถกปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขอบคุณแม่ทัพภาค2 คนหน้างานรับแรงกดดัน

11 มิ.ย. 2568 - 07:55

  • ‘นายกฯ’ ถกปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขอบคุณแม่ทัพภาค2 คนหน้างานรับแรงกดดัน

  • ยก ‘มหาดไทย’ เป็นบ้าน ‘ทหาร’ คือรั้วช่วยกันรักษาอธิปไตย

  • ย้ำไม่อยากให้เกิดกระแสใช้ความรุนแรง ต้องคิดถึงชีวิตคน ฝาก จนท. เร่งทำความเข้าใจ ปชช. หลังเฟคนิวส์ - ไอโอ ปล่อยข้อมูล เกิดความวุ่นวาย

‘นายกฯ’ ถกปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขอบคุณแม่ทัพภาค2  คนหน้างานรับแรงกดดัน

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานบุรีรัมย์ อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 มารอต้อนรับ

จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์กองบินตำรวจเพื่อเดินทางต่อไปยัง จ.สุรินทร์ ก่อนเดินทางต่อด้วยรถตู้เมอซิเดส เบนซ์ มายังโรงพยาบาลกาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อเป็นประธานการประชุมติดตามการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา และมาตรการสนับสนุนให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัด

โดยมี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม , อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย , พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และ อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมประชุม พร้อมด้วยส่วนราชการในพื้นที่

ขณะที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้รายงานถึงสภาพลักษณะภูมิศาสตร์ของจังหวัด และสถานการณ์ชายแดน ว่า จ.สุรินทร์ เป็นพื้นที่ติดต่อชายแดนติดต่อกับกัมพูชา 125 กิโลเมตร ประกอบไปด้วย 4 อำเภอ คือ บัวเชด สังขะ กาบเชิง และพนมดงรัก และมีด่านถาวร 1 แห่ง คือด่านช่องจอม และช่องทางธรรมชาติ 54 แห่ง

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ยังรายงานว่า ก่อนหน้านี้ด่านได้เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08:00 น. - 22:00 น. ภายหลังจากมีมาตรการควบคุมชายแดน จะเปลี่ยนเวลาเปิด - ปิด เป็นวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เวลา 08:00 - 15:00 น. ซึ่งทางกัมพูชาก็มีการประกาศเลื่อนการเปิด - ปิดด่านเช่นกันโดยเปิดเวลา 09:00 น. และปิดเวลา 16:00 น. ซึ่งจะทำให้จะมีเวลาที่เปิด - ปิด ตรงกันเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น

ทำให้นายกรัฐมนตรี สอบถามว่า ในพื้นที่สามารถประสานได้หรือไม่ ให้เปิดเวลาตรงกัน ต้องให้ทางหน่วยงานความมั่นคงดูว่าเปิดให้เท่ากันได้หรือไม่

ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 จึงกล่าวว่า หน่วยงานความมั่นคงจะลองประสานกับกองทัพฝ่ายกัมพูชาดู พร้อมยอมรับว่าอาจมีนัยยะบางอย่าง เหมือนมีลักษณะของการเมืองเล็กน้อย เพื่อชิงความได้เปรียบ และหลังจากนี้ ฝ่ายความมั่นคง ผู้ว่าฯ ในพื้นที่จะมีการหารือกันต่อไป

ทำให้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ถ้าเรายึดถือผลประโยชน์ของประชาชน เปิด - ปิด ตรงกัน จะได้ค้าขายได้เท่ากัน อันนี้จะดีกว่า ขอให้ลองดู คงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีปัญหา

ย้ำไม่อยากให้เกิดกระแสใช้ความรุนแรง ต้องคิดถึงชีวิตคน ฝาก จนท. เร่งทำความเข้าใจ ปชช. หลังเฟคนิวส์ - ไอโอ ปล่อยข้อมูล เกิดความวุ่นวาย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังขอขอบคุณแม่ทัพภาค 2 และคนที่อยู่หน้างานตลอด เพราะทราบว่าต้องเผชิญกับแรงกดดันมากๆ บางทีเกิดกระแสมากมาย คนหน้างานคือคนที่เห็นเหตุการณ์และต้องปรับตามสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด

โดยนายกฯ ระบุว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้รัฐบาลพยายามเน้นเรื่องของสันติภาพและความสงบสุข ไม่อยากให้เกิดกระแสความรุนแรง หรือให้ลุย เพราะต้องคิดถึงชีวิตของคนหน้างานว่ามีความกดดันสูงเมื่ออยู่ตรงนั้นเราเห็นอาวุธของกันและกัน เมื่อดูอาวุธดูความพร้อม หากต้องเกิดความไม่สงบจริงๆ หรือเหตุการณ์ที่รุนแรงมากขึ้นจริง แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเล็กแต่จะเป็นเรื่องใหญ่

นายกฯ ย้ำว่า ส่วนตัวพยายามที่จะสื่อสารเรื่องนี้ถึงความสงบสุข และจากที่ได้คุยกับนายกฯกัมพูชา ก็ได้เน้นย้ำเรื่องนี้เช่นกัน พร้อมยืนยันว่าเราจะเรื่องรักษาอธิปไตยเอาไว้ให้ได้

ช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า กระทรวงมหาดไทยมีสำคัญไม่น้อยกว่ากระทรวงกลาโหม เพราะมหาดไทยคือบ้าน ส่วนทหารคือรั้วต้องให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าทีมในการดูแลบ้าน ซึ่งแต่ละจังหวัดต้องทำงานร่วมกันประสานกันว่าเกิดเหตุการณ์ใดบ้างตามแนวชายแดน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า จากการหารือกับ ภูมิธรรม รมว.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล รมช.กลาโหม ถึงกระบวนการสื่อสารเรื่องความสงบชายแดน ได้เน้นย้ำว่าต้องเคารพข้อตกลงระหว่างประเทศ และให้ทุกระดับสื่อสารตรงกันเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด

พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ทำงานหนักในการรักษาความสงบและอธิปไตยของประเทศ ยืนยันรัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ และขอให้ทุกหน่วยช่วยชี้แจงประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดหรือเชื่อเฟคนิวส์ โดยทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเป็นทีมเดียวเพื่อรักษาสันติภาพของชาติ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์