‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวด่วนชี้แจงกรณี โซเชีบลกัมพูชาโพสต์คลิปเสียงสนทนาระหว่าง ‘สมเด็จฮุนเซน’ ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่า คลิปดังกล่าวเป็นคลิปจริง ที่คุยกันเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเธอทราบข้อมูลจากผู้ที่เป็นล่ามในคลิปว่า ‘สมเด็จฮุนเซน’ โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งเธอพยายามอธิบายกับฮุนเซนว่า สิ่งที่แม่ทัพภาค 2 พูด เป็นการพูดในสถานการณ์ที่ตอนนี้ไทยกับกัมพูชาเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ปะทะกันก็ต้องพูดเช่นนั้น ไม่อยากให้ถือสา
พร้อมย้ำว่า สิ่งที่พูดคุยในคลิปเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์ โทรคุยแบบส่วนตัว จึงมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรนำมาเปิดเผย โดย นายกฯ ย้ำว่าเธอมีจุดมุ่งหมายที่จะรักษาความสงบสุขของบ้านเมือง อธิปไตย และผลประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน จึงพูดคุยด้วยความนุ่มนวล และการพูดคุยส่วนตัวก็เรียกคุณอาเหมือนกันคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลทุกคนที่ทำงานมา ตั้งแต่ยุค ‘ทักษิณ ชินวัตร’ การเรียกอาเรียกลุงเป็นเรื่องปกติ
🔴โวยระดับผู้นำไม่น่าทำแบบนี้ เหน็บขอให้สมหวังเรียกคะแนนนิยมกัมพูชา
นายกฯ ยังชี้แจงว่า ระหว่างการพูดคุยเธอไม่มั่นใจไทม์ไลน์ของกองทัพ เมื่อสมเด็จฮุนเซนบอกให้เปิดด่าน เธอจึงเสนอให้เปิดพร้อมกันเพื่อแสดงให้เห็นถึงสันติภาพ จับมือแล้วเปิดพร้อมกันแต่ทางกัมพูชาไม่ยอม พยายามพูดโน้มน้าวให้เปิดพร้อมกัน แต่ฝั่งกัมพูชาบอกไม่ได้ เพราะต้องการให้ไทยเปิดก่อน แล้วจะเปิดตามหลัง 5 ชั่วโมง โดย ฮุนเซนบอกว่าเขาเป็นลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น แต่เธอก็ไม่แน่ใจ จึงขอปรึกษากระทรวงกลาโหมก่อน เพื่อให้คำตอบในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมหน่วยงานความมั่นคงที่บ้านพิษณุโลก
แต่ปรากฎว่าระหว่างการประชุม สมเด็จฮุนเซน ได้โพสต์เฟซบุ๊คว่าหากไทยไม่เปิดด่านภายใน 24 ชั่วโมง กัมพูชาจะปิดด่านทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนที่พูดกันไว้ นายกฯ ย้ำว่าเธอพยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะอยากทราบว่าเขาต้องการอะไร คุยกันอย่างไรดี เพื่อให้เกิดการต่อรอง เกิดสันติภาพ ไม่เสียเลือดเสียเนื้อ นี่คือความตั้งใจ สมเด็จ ฮุน เซน เขาย้ำเรื่องการเปิดด่านอย่างเดียว ซึ่งเธอไม่กล้ารับปาก เพราะไม่แน่ใจว่ากองทัพพร้อมหรือไม่
“ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าความต้องการของท่านจริงๆ คือคะแนนนิยมภายในประเทศของท่านเองโดยไม่สนใจจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร การที่ท่านต้องการคะแนนนิยมภายในประเทศ เพราะเคยบอกกับดิฉันว่าคะแนนนิยมเริ่มตก อาจจะเป็นส่วนหนึ่งทำให้อยากจะเรียกพลังตรงนี้ ดิฉันหวังว่าท่านจะได้คะแนนนิยมเพิ่มอยู่ในสายตาของโลกที่จับตามองอยู่ว่าเมื่อผู้นำสองท่านคุยกันแบบส่วนตัว แต่ที่มีการอัดคลิปแล้วปล่อยมาแบบนี้ แน่นอนว่าดิฉันไม่ได้ปล่อย ก็ตามนั้น จะได้เข้าใจจุดประสงค์ว่าเราต้องการสันติภาพ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นหนึ่งในการทำให้คะแนนนิยมของท่านเพิ่มขึ้น ไม่เป็นไรก็ตามนั้น”
— นายกฯกล่าว
🔴 ยันแม่ทัพภาค 2 ยันไม่ใช่ศัตรู แจงเป็นเทคนิคการเจรจา
หลังจากนายกฯ ชี้แจงเสร็จแล้ว ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า การบอกว่าแม่ทัพภาค 2 ไม่ใช่พวกเรา ถือเป็นเทคนิคในการสนทนาหรือไม่ นายกฯ ตอบกลับทันทีว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่พวกเรา แต่เรากับกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว การจะพูดคุยกันก็ต้องพูดถึงกันไม่ดีอยู่แล้ว แต่ทราบว่า สมเด็จ ฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาค 2 เธอจึงชี้แจงทำความเข้าใจ
ส่วนประเด็นนี้จะต้องทำความเข้าใจกับแม่ทัพภาค 2 หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า หากเธอเป็นฝั่งตรงข้ามกับกองทัพ ทำไมต้องรอว่าฝั่งกองทัพคิดอย่างไร แต่มันไม่ใช่ เพราะเมื่อทราบว่าเขาโกรธกองทัพก็รีบทำความเข้าใจว่าเมื่อเราทะเลาะกันเป็นฝั่งตรงข้ามก็ต้องพูดแบบนี้ ให้แม่ทัพภาค 2 พูดไป พยายามลดอารมณ์ว่าไม่มีอะไร เพื่อจะให้คุยประโยคกันต่อไป และนำไปสู่ความสงบสุข
เมื่อถามย้ำว่ามีกระแสข่าวจะมีคลิปที่ 2 ตามออกมาจะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ โดยเฉพาะภายในประเทศที่เหมือนจะถูกยั่วยุให้รบกันเอง นายกฯ ตอบว่า “ดิฉันไม่อยากให้คนไทยหลงกลตรงนี้ เพราะเป็นเทคนิคให้เข้าใจว่าเราทะเลาะกัน แต่จริงๆแล้วประโยชน์แรกที่ดิฉันคือต้องการแสดงความเข้าใจเขา ให้เขาบอกความต้องการที่แท้จริงว่าอะไรที่จะทำให้ประเทศชาติสงบสุข อะไรทำให้การปะทะมันจบลง”
🔴สะบั้นสัมพันธ์ไม่ขอคุยส่วนตัว ‘ฮุนเซน’ อีก
ถามอีกว่า การพูดคุยและมีการปล่อยคลิปตามหลังออกมาแบบนี้ ต่อไปจะพูดคุยกันต่อได้หรือไม่ นายกฯ ทำท่าคิดครู่หนึ่งก่อนตอบว่า ไม่ทราบ เมื่อถามย้ำว่า สันติเจรจาจะยังใช้ได้กับกัมพูชาหรือไม่ นายกฯ ระบุว่าเธอไม่ใช่คนที่จะไปท้าตีท้าต่อย แต่คงไม่มีการคุยส่วนตัวแล้ว
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ตระกูลฮุน’ กับ ‘ตระกูลชินวัตร’ จบลงแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ไม่ทราบว่าอย่างไร แต่ไม่ขอคุยส่วนตัวอีกแล้ว เพราะจะมีปัญหาเรื่องการไว้ใจ อย่างไรก็ตามบทสนทนาแบบนี้ไม่ควรที่จะออกมา เพราะนี่คือระดับผู้นำของประเทศ คือนายกฯและอดีตนายกฯที่เป็นนายกฯมาตั้งแต่อายุ 32 ปี และเป็นพ่อของนายกฯคนปัจจบัน บทสนทนาแบบนี้ ก็นั่นและค่ะ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวของนายกฯ ในครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3/2568 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยระหว่างการแถลงข่าวมีรัฐมนตรีที่รอร่วมประชุมยืนอยู่ด้านข้างตลอดการแถลงข่าว
