ประวัติศาสตร์ตะวันออกกลางถึงจุดพลิกผันครั้งสำคัญ เมื่ออิสราเอลเปิด ‘ปฏิบัติการสิงโตผงาด’ (Operation Rising Lion) โจมตีโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในนาตันซ์และเป้าหมายทางทหารหลักของอิหร่าน ขณะที่อิหร่านก็ปฎิบัติเอาคืนเช่นกัน
ความรุนแรงของการปะทะครั้งนี้มีตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยฝั่งอิหร่านมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 224 คน ขณะที่อิสราเอลสูญเสียไป 14 คน สถานการณ์นี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานของความตึงเครียดที่สะสมมายาวนานเรื่องโครงการอาวุธนิวเคลียร์ที่อิหร่านปฏิเสธการมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
จุดไฟสงครามตัวจริงเป็นครั้งแรก
การโจมตีของอิสราเอลในระลอกแรกได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อหัวใจของโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงให้เห็นกลุ่มควันดำทะมึนปกคลุมพื้นที่โรงงานนาตันซ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการทำลายครั้งสำคัญ นอกจากนี้ การสังหารหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติ (IRGC) และนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์หลายรายยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงเป้าหมายของอิสราเอล
อิหร่านไม่นิ่งเฉย ตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธและโดรนกว่า 270 ลูกเข้าสู่ดินแดนอิสราเอลในช่วง 3 วันแรก แม้ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ‘โดมเหล็ก’ ที่มีชื่อเสียงของอิสราเอลจะสกัดกั้นได้ส่วนใหญ่ แต่ยังมีขีปนาวุธ 22 ลูกที่สามารถเจาะเข้าไปสู่เขตพลเรือนได้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน อิหร่านได้เปิดฉากโจมตีระลอกที่ 4 โดยมุ่งเป้าไปยังเมืองสำคัญคือไฮฟาและเยรูซาเล็ม
ประลองกำลังทางทหารและเทคโนโลยี
ข้อมูลจาก Global Firepower Index 2025 อิสราเอลและอิหร่านมีอันดับความแข็งแกร่งทางทหารใกล้เคียงกัน โดยอิสราเอลอยู่อันดับ 15 ขณะที่อิหร่านอยู่อันดับ 16
อิหร่านมีความได้เปรียบในด้านกำลังพลประจำการ 610,000 คน เทียบกับ 170,000 คนของอิสราเอล แต่อิสราเอลครอบครองความเหนือชั้นทางเทคโนโลยีทหารที่สำคัญ โดยเฉพาะระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัยและขีดความสามารถในการโจมตีแม่นยำระยะไกล
ประเด็นที่สร้างความแตกต่างอย่างสำคัญคือศักยภาพทางนิวเคลียร์ อิสราเอลถูกประเมินว่าครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 90 ลูก ขณะที่อิหร่านยังไม่มีการยืนยันการครอบครองอาวุธดังกล่าว แม้จะมีความก้าวหน้าในโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมถึงระดับ 90% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับที่สามารถนำมาผลิตอาวุธได้
วิกฤตพลังงานและเศรษฐกิจโลก
สงครามครั้งนี้ไม่ได้กระทบเฉพาะทั้งสองประเทศเท่านั้น การโจมตีสถานีผลิตน้ำมัน Shahran และท่อส่งก๊าซธรรมชาติ South Pars ของอิหร่าน รวมถึงการที่อิหร่านขู่ว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ได้ส่งผลกระทบไปยังตลาดโลก
ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น 9% ภายในเวลาเพียง 3 วัน ดัชนีตลาดหุ้นหลักทั่วโลกร่วงลงกว่า 1.5% ช่องแคบฮอร์มุซที่เป็นเส้นทางการขนส่งน้ำมัน 21 ล้านบาร์เรลต่อวันของโลก กำลังกลายเป็นจุดชนวนที่อาจจุดประกายวิกฤตพลังงานระดับโลกหากถูกปิดกั้น
ผู้เชี่ยวชาญจาก Washington Institute ชี้ให้เห็นว่าอิสราเอลมีแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในการทำลายศักยภาพนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยใช้กลยุทธ์การโจมตีทีละระยะ อาศัยข้อมูลข่าวกรองที่มีความแม่นยำสูงและความได้เปรียบทางอากาศ การสังหารนักวิทยาศาสตร์และผู้นำทหารระดับสูงอาจทำให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านสะดุดไปชั่วระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม อิหร่านยังคงมีศักยภาพในการตอบโต้ผ่านขีปนาวุธพิสัยไกลกว่า 3,000 กิโลเมตรและโดรนรบจำนวนมากที่สามารถโจมตีเป้าหมายในอิสราเอลได้แม้จะสูญเสียระบบป้องกันทางอากาศบางส่วนไป แบบจำลอง AI จาก Anthropic Claude คาดการณ์ว่าอิหร่านอาจใช้เวลาเพียง 25 วันในการผลิตหัวรบนิวเคลียร์หากตัดสินใจเร่งจบสงครามครั้งนี้
ผลกระทบการเมืองระหว่างประเทศ
การวิเคราะห์จาก Al-Araby Al-Jadeed ชี้ให้เห็นว่าอิสราเอลพยายามส่งสัญญาณไปยังชาติอาหรับว่าตัวเองคือ ‘รั้วป้องกัน’ ที่คอยขัดขวางการขยายอิทธิพลของอิหร่านในภูมิภาคนี้ ในทางกลับกันการที่กาตาร์ และซาอุดีอาระเบียออกมาประณามการโจมตีของอิสราเอล สะท้อนความกังวลของชาติอาหรับต่อความไม่มั่นคงที่อาจตามมา
รัสเซียและจีนใช้เวทีสหประชาชาติวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอลอย่างรุนแรง ขณะที่สหรัฐอเมริกายังคงให้การสนับสนุนทางเทคนิค เช่น การช่วยสกัดขีปนาวุธของอิหร่าน สหภาพยุโรปเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายระงับเหตุแต่เน้นย้ำสิทธิของอิสราเอลในการป้องกันตัว
สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
แบบจำลอง AI จาก 7 ชุดข้อมูลต่างๆ คาดการณ์ว่ามีโอกาส 60% ที่จะเกิดสงครามระดับต่ำแต่ยืดเยื้อเป็นระยะเวลา 12-24 เดือน โดยทั้งสองฝ่ายจะหลีกเลี่ยงการปะทะเต็มรูปแบบเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่รุนแรงเกินไป
อิหร่านอาจใช้กลุ่มตัวแทนเช่น กลุ่มฮูษีในเยเมนโจมตีทางอ้อม ขณะที่อิสราเอลดำเนินการโจมตีเป้าหมายเฉพาะอย่างต่อเนื่อง หากอิหร่านตัดสินใจเร่งพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ สหรัฐอเมริกาอาจเข้าแทรกแซงโดยตรงตามที่ระบุในรายงาน CSIS ในทางกลับกัน รัสเซียอาจเพิ่มการสนับสนุนทางทหารให้อิหร่านผ่านช่องทางซีเรีย
ใครผู้ชนะในสงครามไม่มีวันจบ
แม้อิสราเอลจะมีศักยภาพทางทหารเหนือกว่า แต่การทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านให้หมดสิ้นอาจเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเตหะรานได้กระจายโครงสร้างพื้นฐานไปยังสิ่งปลูกสร้างใต้ดินแล้ว ในทางกลับกัน อิหร่านก็ยากจะได้ชัยชนะทางทหารแบบเด็ดขาดต่ออิสราเอลที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา
ผู้สูญเสียที่แท้จริงคือประชาชนทั้งสองชาติที่ต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากสงครามที่ยกระดับจากการใช้สงครามตัวแทน สู่การเผชิญหน้ากันโดยตรง ความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางที่อาจลุกลามไปกระทบเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในด้านพลังงาน ชี้ให้เห็นว่าไม่มีชาติใดจะได้ประโยชน์จากการยกระดับความขัดแย้งต่อเนื่อง
คำถามที่เหลืออยู่คือ ภูมิภาคจะหาทางกลับคืนสู่สันติภาพได้หรือไม่ หรือจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามที่จะทำให้ตะวันออกกลางลุกเป็นไฟไปอีกหลายทศวรรษข้างหน้า