จักรวาล JKN ยังหาทางออกในการแก้วิกฤตไม่เจอ ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์เพิ่มข้อกล่าวหาอีก 1 เรื่อง ทำบัญชีปี 2566 และของไตรมาสแรก 2567 เป็นเท็จ เข้าข่ายถูกเพิกถอนหุ้นออกจากตลาด ฯ
บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN กำลังเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตที่อาจนำไปสู่การถูกเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายหลังจากถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) และ NC (Non-Compliance) เนื่องจากการละเมิดกฎระเบียบการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เพิ่มเหตุเข้าข่ายเพิกถอนเพิ่ม จากข้อกล่าวหาการจัดทำงบการเงินเท็จประจำปี 2566 และไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ร้ายแรงต่อความน่าเชื่อถือของตลาดทุน
ปัญหาของ JKN เริ่มต้นจากการไม่สามารถส่งงบการเงินไตรมาสแรกปี 2567 ได้ทันตามกำหนด โดยล่าช้านานกว่า 6 เดือนนับจากวันที่ 31 มีนาคม 2567 ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องประกาศขึ้นเครื่องหมาย NC และ SP ในเดือนพฤศจิกายน 2567
ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องการเพิกถอนหลักทรัพย์ พ.ศ. 2564 บริษัทจะมีระยะเวลา 2 ปี หรือจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2569 ในการแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว หากไม่สามารถปฏิบัติได้ บริษัทจะถูกเสนอให้เพิกถอนหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับรุนแรงขึ้นเมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจพบการจัดทำงบการเงินอย่างไม่ถูกต้องในปี 2566 และเอกสารแบบ 56-1 One Report โดยเฉพาะในส่วนของการรับรู้รายได้และหนี้สินจากการซื้อลิขสิทธิ์เนื้อหา
นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 3 ราย คือ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ,นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมผู้จัดการ JKN ,นางสาวพิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ กรรมการ JKN
กรณีที่ JKN ซื้อลิขสิทธิ์รายการ หรือ Content อย่างไม่สมเหตุสมผล อย่างเช่นซื้อลิขสิทธิ์รายการซ้ำจำนวนมากกับลิขสิทธิ์เดิมที่มีอยู่แล้ว และยังไม่หมดอายุ ,ซื้อลิขสิทธิ์รายการจำนวนมากทั้งที่บริษัทขาดสภาพคล่อง ,รายการสั่งซื้อบางรายการอาจไม่เกิดขึ้นจริง โดยเอกสารการสั่งซื้อลิขสิทธิ์มีข้อมูลไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบมา
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย SP กับ JKN ระงับการซื้อขายหุ้นชั่วคราวตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 เนื่องจากบริษัทไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด ส่งผลให้นักลงทุนไม่สามารถซื้อขายหุ้นได้จนกว่าจะแก้ไขข้อบกพร่อง
ขณะที่เครื่องหมาย NC เป็นสัญญาณเตือนว่าหลักทรัพย์นั้นมีแนวโน้มถูกเพิกถอน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทำให้ความน่าเชื่อถือในหุ้นลดลงอย่างมาก
ผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการร่วงลงของราคาหุ้น JKN อย่างรุนแรง จากจุดสูงสุดที่ 16.27 บาทในปี 2561 เหลือเพียง 0.31 บาทในเดือนมิถุนายน 2568 โดยมูลค่าตลาดลดลง 20.59% ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ สะท้อนถึงความกังวลอย่างมากของนักลงทุนต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
สำหรับนักลงทุนรายย่อย สถานการณ์ปัจจุบันหมายถึงการเผชิญกับความเสี่ยงการขาดทุนในระดับสูง เนื่องจากไม่สามารถขายหุ้นในช่วงที่ถูกระงับการซื้อขาย และอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดหากบริษัทถูกเพิกถอนอย่างถาวร
ในขณะที่ฝ่ายบริหารของ JKN ยังดำเนินการตามกระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้การดูแลของศาลล้มละลายกลาง โดยได้ยื่นแผนปรับโครงสร้างหนี้และดำเนินการขายทรัพย์สินสำคัญ รวมถึงการขายองค์กรนางงามจักรวาล (Miss Universe) ให้กลุ่ม LHG ในมูลค่า 455 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ทางการเงินหลายรายมองว่า JKN มีโอกาสรอดต่ำ เนื่องจากปัญหาโครงสร้างที่รุนแรง ทั้งหนี้สินสะสมที่มีขาดทุนสุทธิ 2,157 ล้านบาทในปี 2566 และหนี้สินรวมกว่า 5,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ปัญหาสภาพคล่องจากการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่น JKN239A ส่งผลให้เกิด Cross Default กับหนี้อื่นๆ ซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ความน่าเชื่อถือของบริษัทได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเมื่อผู้สอบบัญชีงดแสดงความเห็นต่องบการเงินปี 2566 ซึ่งสะท้อนข้อกังวลต่อความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลทางการเงิน
ในขณะนี้ JKN ต้องชี้แจงผลกระทบจากคดีการทำงบการเงินเท็จและความคืบหน้าของการตรวจสอบพิเศษ (Special Audit) ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 19 มิถุนายน 2568 หากไม่สามารถแก้ไขข้อกล่าวหาได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2568 ตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจเริ่มกระบวนการเพิกถอนอย่างเป็นทางการ