คารม พลพรกลาง อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ซึ่งได้ยื่นใบลาออกจากรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แล้ว เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาไหว้ศาลพระภูมิ และศาลตายาย ประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า “วันนี้มาเก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาล ซึ่งผมได้ยื่นหนังสือลาออกให้ถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว หลังจากที่พรรคภูมิใจไทยได้ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องทำตามมารยาท ทั้งที่คนแต่งตั้งคือนายกรัฐมนตรี รวมถึงส่งข้อความแจ้งทางไลน์ให้กับอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว”
คารม กล่าวว่า “วันนี้มาแสดงความรู้สึกที่ได้ดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เป็นเวลา 1 ปี 7 เดือน และ 10 กว่าวัน ผมถือเป็นเกียรติยศ ซึ่งข้าราชการที่ทำเนียบรัฐบาลทุกคนทำงานเก่ง มีความสามารถในการให้ข้อมูลสื่อสาร ต้องขอชื่นชม ฉะนั้น ถ้าข้าราชการเก่ง ถ้านักการเมืองเก่ง ถ้าผู้นำทางการเมืองเก่ง บ้านเมืองก็จะไปได้”
การที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ผมก็เห็นด้วย การเป็นนักการเมืองไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติ นี่เป็นสิ่งที่เราต้องคิด หลังจากนี้เป็นความหวั่นไหวว่าบ้านเมืองจะไปอย่างไร
คารม กล่าวต่อไปว่า “ในฐานะที่ผมเป็น สส. และอดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ สมัยแรก และอยู่ในแวดวงการเมืองมานานกว่า 20 ปี จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 2–3 วันมานี้ เป็นเรื่องของความเชื่อมั่น เมื่อเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นอารมณ์คนก็จะสวิง”
“ตอนฟังคลิปเสียงของนายกฯ ที่คุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็รู้สึกเห็นใจนายกฯ ซึ่งมันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราก็หวั่นไหวว่าจะตีความอย่างไร ผมขอสันนิษฐานในฐานะที่เป็นนักกฎหมาย “ฟังจากคำพูดของนายกฯ และมีหลายคนไปแจ้งความต่างๆ จากที่ผมทำงานกับนายกฯ มา นายกฯ เป็นคนที่น่ารัก, เฟรนด์ลี่ (friendly)”
เจตนาคำพูดของนายกฯ อยู่ที่การตีความ จะเป็นเทคนิคการพูดหรือมีเบื้องหลังอะไร ตรงนี้จะเป็นตัวชี้วัดสถานการณ์การเมืองจากนี้ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร ผมขอให้กำลังใจรัฐบาลในการทำงานแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน