ฟาร์มโคนมขอนแก่นเจอวิกฤต! เกษตรกรเดือดร้อนหนัก ร้อง ‘นายกฯ-ภาครัฐ’ เร่งช่วย

28 มิ.ย. 2568 - 02:38

  • ฟาร์มโคนมขอนแก่นเจอวิกฤต อ.ส.ค.ขาดสภาพคล่องค้างจ่ายค่าน้ำนมดิบนานกว่า 2 เดือน

  • เกษตรกรเดือดร้อนแบกรับภาระหนัก ยิ่งเลี้ยง ยิ่งเป็นหนี้เพิ่ม

  • ร้อง ‘นายกฯ – ภาครัฐ’ เร่งมาตรการช่วย ก่อนสหกรณ์โคนมล้มละลาย กระทบการผลิตน้ำนมในประเทศ

ฟาร์มโคนมขอนแก่นเจอวิกฤต! เกษตรกรเดือดร้อนหนัก ร้อง ‘นายกฯ-ภาครัฐ’ เร่งช่วย

การประคับประคองดูแลฟาร์มโคนมที่ขาดสภาพคล่อง เพราะไม่ได้รับเงินค่าน้ำนมดิบจากสหกรณ์โคนมอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น นานกว่า 2 เดือน ทำให้ ‘ลำไพ อุตรชัย’ เจ้าของฟาร์มโคนมต้องทนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งค่าอาหารวัว ค่าแรงคนงาน ค่าใช้จ่ายในครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

‘ลำไพ อุตรชัย’ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของสหกรณ์โคนมน้ำพอง เปิดเผยว่า เริ่มต้นเลี้ยงวัวนมกว่า 100 ตัว ปัจจุบันต้องทยอยขายวัวเพื่อนำเงินที่ได้มาใช้จ่ายในฟาร์ม คัดไว้เฉพาะแม่วัวที่รีดนมได้ 50 ตัว ส่วนลูกวัวตัวผู้ ทยอยขายจนหมด เพราะต้นทุนการเลี้ยงวัวนมสูงขึ้น รายได้ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่าย ต้องตัดสินใจขายเพื่อนำเงินที่ได้มาใช้บริหารจัดการฟาร์มในสถานการณ์วิกฤตนี้

Khon Kaen-Dairy-Farms-Face-Crisis-Farmers-Suffer-Seriously-Call-on-the-Prime Minister-and-the-Government-Sector-to-Urgently-Help-SPACEBAR-Photo01.jpg

“ปัญหาที่เราต้องเจอเพิ่มขึ้นตอนนี้คือ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ค้างจ่ายค่าน้ำนมดิบให้กับสหกรณ์โคนมทำให้ทางสหกรณ์ไม่มีเงินมาจ่ายให้กับเกษตรกรต่อ ค้างมาแล้วประมาณ 2 เดือน เฉพาะที่ฟาร์มของเราฟาร์มเดียวประมาณ 5 แสนบาทแล้ว โดย อ.ส ค. อ้างว่าขายนมไม่ได้ จึงไม่มีเงินมาจ่าย ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วประเทศ”

“จึงเรียกร้องให้หน่วยที่เกี่ยวข้องระดับนโนบาย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งกำกับดูแล อ.ส.ค. เข้ามาแก้ปัญหา รวมถึงเรียกร้องไปยังนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงมาดูแลแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เพราะปัจจุบันเดือดร้อนทั่วประเทศ หากเพิกเฉยกังวลว่าสหกรณ์โคนมจะล้มละลาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำนมในประเทศได้” ลำไพ กล่าว

Khon Kaen-Dairy-Farms-Face-Crisis-Farmers-Suffer-Seriously-Call-on-the-Prime Minister-and-the-Government-Sector-to-Urgently-Help-SPACEBAR-Photo03.jpg

แม้ประสบปัญหาขาดทุนและไม่ได้รับเงินค่าน้ำนมดิบ แต่เกษตรกรหลายรายยังกัดฟันสู้ต่อ เพราะการเลี้ยงโคนมถือเป็นอาชีพที่รับช่วงต่อจากพ่อแม่ที่ทำมาก่อนหน้านี้ การเลิกเลี้ยงวัวนมจึงไม่ใช่ทางออก

สุกัญญา ศรีบุญเรือง เจ้าของ ‘MP farm Pitbull Khonkaen’ บ้านคำแคน ต.ดงเมืองแอม อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ที่หันมาทำฟาร์มสุนัขพันธุ์คอนเซปส์ด๊อก พบว่าสร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี สามารถนำเงินที่ได้มาต่อยอดบริหารในฟาร์มวัวนมได้

สุกัญญา กล่าวว่า เริ่มต้นฟาร์มสุนัขพันธุ์คอนเซปส์ด๊อก เมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากการซื้อสุนัขเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนและเฝ้าฟาร์มวัวนม เมื่อเลี้ยงไประยะหนึ่ง พบว่าสุนัขสายพันธุ์นี้กำลังได้รับความนิยม จึงศึกษาหาข้อมูลในกลุ่มต่างๆ พบว่ามีคนให้ความสนใจสุนัขที่เลี้ยงไว้  จึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจังแล้วเปิดฟาร์มขายลูกสุนัขขึ้น

“มีปัญหาไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ไม่ได้รับเงินค่าน้ำนมดิบ ยอดรวมค้างจ่ายแล้วกว่า 500,000 บาท เป็นเงินจำนวนมากที่เรายังไม่รู้ว่าจะได้รับตอนไหน จนบังเอิญสังเกตเห็นว่า มีคนให้ความสนใจสุนัขพันธุ์คอนเซปส์ด๊อกที่กำลังเลี้ยงอยู่ เมื่อศึกษาอย่างจริงจังพบว่าตลาดยังเปิดกว้าง มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งมาเลเซีย กัมพูชา อินโดนีเซีย ที่เข้ามาสอบถามราคาและสั่งซื้อ จึงเริ่มผสมพันธุ์คอกแรกได้ลูกมา 10 ตัว โพสต์ขายในเพจซื้อขายสุนัข จากนั้นมีคนที่สนใจเป็นจำนวนมากที่ติดต่อเข้ามาขอดู ขอซื้อคอกแรกขายได้กว่า 100,000 บาท ผลตอบรับดีมากมีคนรู้จักเพิ่มขึ้นทั้งในเพจและไลฟ์สด”

Khon Kaen-Dairy-Farms-Face-Crisis-Farmers-Suffer-Seriously-Call-on-the-Prime Minister-and-the-Government-Sector-to-Urgently-Help-SPACEBAR-Photo06.jpg

“แม้ฟาร์มโคนมสภาพย่ำแย่ แต่เกษตรกรก็พยายามหาทางออกช่วยเหลือตัวเอง ทั้งการปรับเปลี่ยน หาอาชีพสร้างรายได้ที่ช่วยพยุงฟาร์มโคนมและจุนเจือครอบครัว เพื่อความอยู่รอด บางคนขายปุ๋ยมูลวัว บางคนคัดวัวขายทิ้งบ้างตามความเหมาะสม” สุกัญญา กล่าว

ด้าน ปานระพี บัวทอง รองประธานสหกรณ์โคนมอำเภอน้ำพอง สะท้อนถึงปัญหาการขาดสภาพคล่องขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค.ค้างจ่ายนานกว่า 60 วัน มียอดค้างกว่า 90 ล้านบาท โดย อ.ส.ค.ให้เหตุผลว่านมขายไม่ได้ มีนมค้างสต๊อกกว่า 2 พันตัน ทำให้จ่ายเงินล่าช้า ขณะที่สหกรณ์แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำเงินสำรองกว่า 10 ล้านบาท มาสำรองจ่ายค่าอาหารวัวให้สมาชิก

Khon Kaen-Dairy-Farms-Face-Crisis-Farmers-Suffer-Seriously-Call-on-the-Prime Minister-and-the-Government-Sector-to-Urgently-Help-SPACEBAR-Photo02-1.jpg

“ยอมรับว่าเงินสำรองเริ่มร่อยหลอลงแล้ว ขณะที่เกษตรกรเองก็ไม่สามารถกู้ยืมกับทางสหกรณ์ได้อีก เพราะเงินกู้ยืมเต็มเพดานที่กำหนดไว้ จนบางรายต้องไปกู้ยืมหนี้นอกระบบมาจัดการในฟาร์ม ประเด็นที่กังวลตามมาคือ หาก อ.ส.ค.ยังไม่รีบแก้ปัญหา เกรงว่าในอนาคตสหกรณ์จะไม่มีเงินจ่ายให้กับสมาชิก จนทำให้สหกรณ์ล้มและเลิกกิจการไปในที่สุด”

ปานระพี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสหกรณ์โคนมน้ำพองมีศูนย์ย่อย 3 ศูนย์ คือ ศูนย์น้ำพอง ศูนย์พังทุย และศูนย์อุบลรัตน์ - เขาสวนกวาง มีสมาชิก 300 คน จากเดิมกว่า 400 คน และแนวโน้มสมาชิกลดลงเรื่อยๆ เพราะไม่สามารถแบกรับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ อ.ส.ค. ค้างจ่ายค่าน้ำดิบ

“ที่ผ่านมาการจ่ายค่าน้ำนมดิบ อ.ส.ค.จ่ายทุก 15 วัน แต่ปัจจุบันเลื่อนจ่ายมานานกว่า 2 เดือนแล้ว ทำให้ มียอดค้างจ่ายค่าน้ำนมดิบมูลค่ากว่า 90 ล้านบาท ทำให้สถานการณ์ของเกษตรกรอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะหยุดเลี้ยงและขายวัวทิ้งก็พบว่า ราคาตกจากเดิมมาก จะเลี้ยงต่อก็มีแต่ต้องแบกรับต้นทุนที่ไม่สอดคล้องกับรายได้  ที่สำคัญคือ สหกรณ์โคนมผลิตน้ำนมดิบส่งให้ อ.ส.ค.ทุกวัน แต่ทำไม อ.ส.ค.บอกว่าขายไม่ได้ ทำให้เกษตรกรสงสัยถึงกระบวนการการทำงานของหน่วยงาน เพราะนอกจากจะขายนมไม่ได้แล้ว ยังให้สมาชิกช่วยซื้อนมจาก อ.ส.ค.อีกด้วย”

“หากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไป อาจทำให้เกษตรกรมีภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ขณะที่บางรายตัดสินใจเลิกเลี้ยง ซึ่งจะทำให้ไทยต้องเผชิญกับสภาวะขาดแคลนน้ำนมโคหนักขึ้น ส่งผลกระทบเป็นโดมิโนมายังผู้ประกอบการรายย่อยและผู้บริโภค”

“นอกจากนี้เกษตรกรในพื้นที่ตั้งข้อสังเกตถึงต้นตอปัญหาเงินขาดสภาพคล่องว่า ส่วนหนึ่งคือการนำเข้าผลิตภัณฑ์นมและครีมผงที่เข้ามากวาดตลาด ทำให้ขายน้ำนมดิบในประเทศไม่ได้ จนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรตัวเล็กๆ ในพื้นที่ คนเลี้ยงโคนมไม่ได้ร่ำรวย แต่พวกเราก็เป็นรากฐานที่ทำให้เศรษฐกิจชนบทขับเคลื่อนไปได้เช่นกัน” ปานระพี  กล่าว

Khon Kaen-Dairy-Farms-Face-Crisis-Farmers-Suffer-Seriously-Call-on-the-Prime Minister-and-the-Government-Sector-to-Urgently-Help-SPACEBAR-Photo05.jpg

จากข้อมูลการประชุมคณะรัฐมนตรี ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ประเทศไทย ต้องยกเลิกโควตาภาษีของนมผงขาดมันเนย และนมและครีมให้เป็น 0% ตามข้อตกลงทางการค้าเสรีไทย - ออสเตรเลีย และข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย – นิวซีแลนด์ 

ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า สถิติการนำเข้านมและครีมสำหรับเลี้ยงทารก จากทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย ธันวาคม 2567 มูลค่า 0.23 ล้านดอลลาร์ แต่หลังการเปิดเสรี มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 1.53 ล้านดอลลาร์ หรือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 308.16 

ขณะที่ สินค้านมและผลิตภัณฑ์ มูลค่านำเข้ารวม เพิ่มขึ้นจาก 45.09 ล้านดอลลาร์ เป็น 83.78 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.74  โดยเป็นการนำเข้าจากออสเตรเลีย ที่เพิ่มขึ้น 25.72% และนิวซีเเลนด์ เพิ่มขึ้น 36.65%  ส่วนการนำเข้ากลุ่มผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ มูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจาก 4.50 ล้านดอลลาร์ เป็น 6.62 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.91 แบ่งเป็นออสเตรเลียเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.05 นิวซีแลนด์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 91.96

ส่วนในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีความเห็นว่า สถานการณ์การผลิตและการเลี้ยงโคนมในปัจจุบันมีจำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมลดลงในปี 2566 มีเกษตรกร 15,724 ราย ปี 2567 ลดลงเหลือ 14,997 ราย ส่งผลให้ปริมาณน้ำนมโคของทั้งประเทศลดลงจาก 1.026 ล้านตันต่อปี ในปี 2566 เป็น 1.011 ล้านตันต่อปี ในปี 2567 รวมทั้งจำนวนแม่โครีดนมยังมีแนวโน้มลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง

Khon Kaen-Dairy-Farms-Face-Crisis-Farmers-Suffer-Seriously-Call-on-the-Prime Minister-and-the-Government-Sector-to-Urgently-Help-SPACEBAR-Photo04-1.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์