เบื้องหลัง ‘ก๊ก อาน’ เจ้าพ่อปอยเปต เครือข่ายพันล้านใต้เงาฮุนเซน

8 ก.ค. 2568 - 11:35

  • เบื้องหลัง ‘ก๊ก อาน’ เจ้าพ่อกาสิโนแห่งปอยเปต กับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่โยงใยทั้งอำนาจ การเมือง และเศรษฐกิจกัมพูชา มูลค่านับพันล้านภายใต้เงาของ ‘ฮุน เซน’

เบื้องหลัง ‘ก๊ก อาน’ เจ้าพ่อปอยเปต เครือข่ายพันล้านใต้เงาฮุนเซน

ก๊ก อาน หรือ ฟู ก๊ก อาน วัย 68 ปี ขึ้นชื่อว่าเป็น ผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจจากการลักลอบค้าขายในยุคสงครามเย็น จนกลายเป็น เจ้าพ่อกาสิโนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปอยเปต

ก๊ก อาน เกิดในปี 2497 ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ชีวิตของ ก๊ก อาน เริ่มต้นท่ามกลางความโหดร้ายของระบอบเขมรแดง หลังรอดชีวิตจากยุคสมัยมืดมิดนั้นมาได้ เขาได้พบกับจุดเปลี่ยนที่สำคัญในช่วงทศวรรษ 2513-2523 เมื่อหันมาประกอบอาชีพลักลอบขนสินค้าจากไทยไปยังเวียดนาม ที่ถือเป็นบันไดขั้นแรกของการสะสมทุน ด้วยไหวพริบในการหาช่องทางหลบเลี่ยงกฎหมายนานาชาติของ ก๊ก อาน ทำให้เขาสามารถสร้าง เครือข่ายการค้าที่แข็งแกร่ง ได้อย่างแยบยล และทรงอิทธิพล ปี 2533 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ ก๊ก อาน ได้รับสิทธิพิเศษในการเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงคนเดียวของบริษัท British American Tobacco ในกัมพูชา การตัดสินใจนี้ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงฐานะทางสังคมของเขา แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต

  • ความสัมพันธ์พิเศษกับฮุนเซน ใบเบิกทางที่ทำให้ ‘ก๊ก อาน’ แตกต่างจากนักธุรกิจคนอื่นๆ

ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่ ก๊ก อาน ได้สร้างขึ้นกับฮุนเซน เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2533 ก๊ก อาน เป็นหนึ่งในเครือข่ายนักธุรกิจเชื้อสายจีนที่ให้การสนับสนุนทุนแก่พรรคประชาชนกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง การบริจาคเงินสนับสนุนรัฐบาลเกินกว่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ ก๊ก อาน ได้รับ ตำแหน่งออกญา ซึ่งเป็นยศขุนนางที่มีเกียรติสูงสุดในระบบสังคมกัมพูชา ต่อมาในปี 2555 เขายังได้รับการแต่งตั้งเป็นวุฒิสมาชิกสังกัดพรรค CPP อีกด้วย

เหตุการณ์ที่ยืนยันบทบาทสำคัญของ ก๊ก อาน ในฐานะ มือขวาเศรษฐกิจ ของฮุนเซน เกิดขึ้นในปี 2546 เมื่อมีส่วนร่วมในการเจรจาชดเชยความเสียหาย 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้รัฐบาลไทย หลังเกิดเหตุเผาทำลายสถานทูตไทยในพนมเปญ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต แต่ยังเปิดประตูธุรกิจข้ามชาติให้กับเขา

  • อาณาจักรกาสิโนปอยเปต ขุมทรัพย์ในเงามืด

เป็นที่รู้กันว่าแหล่งรายได้หลักของ ก๊ก อาน มาจากเครือข่ายกาสิโนในเมืองปอยเปต โดยเฉพาะ คราวน์ กาสิโน รีสอร์ต ตึกสูง 25 ชั้น ที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของ ก๊ก อาน จากตัวเลขของศูนย์วิจัยปัญหาการพนัน ชี้ชัดว่า เครือข่ายกาสิโนในเขตเกาะกง มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านบาท และสามารถสร้างรายได้ปีละกว่า 2,000 ล้านบาทจากนักพนันชาวไทยที่เดินทางข้ามแดนไปใช้บริการ แต่ความสำเร็จทางธุรกิจนี้มาพร้อมกับเงามืดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ตึกสูงระฟ้าเหล่านี้ถูกสงสัยว่าเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงคนไทย รวมถึงเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงาน

  • เครือข่ายทรัพย์สินในไทย

ผลจากการสอบสวนของตำรวจไทย เผยให้เห็นว่า ก๊ก อาน มีการลงทุนในไทยผ่านเครือข่ายบุคคลสนิทอย่างกว้างขวาง ทรัพย์สินที่ถูกระบุมีทั้งหมด 19 จุดกระจายทั่วกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และชลบุรี คอนโดมิเนียมหรูในเขตบางนา และบ้านพักขนาดใหญ่ในบางพลีถูกใช้เป็นศูนย์กลางการจัดการทางการเงิน และใช้เป็นฐานในการโอนย้ายเงินข้ามชาติ

  • ใต้เงาของข้อกล่าวหาร้ายแรง

ชื่อของ ก๊ก อาน เริ่มปรากฏบนหน้าสื่อในฐานะผู้มีประวัติพัวพันกับอาชญากรรมมาตั้งแต่ปี 2559 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาบุกเข้าตรวจค้นกาสิโนคราวน์ และจับกุมชาวจีนกว่า 70 คน พร้อมยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการหลอกลวงผ่านระบบแชตบ็อตออนไลน์

ต่อมาในปี 2565 เงามืดที่ปกคลุมเครือข่ายธุรกิจของเขาเริ่มเปิดเผยชัดขึ้น เมื่อมีรายงานการพบศพนักท่องเที่ยวชาวไทยภายในกาสิโนของ ก๊ก อาน แม้จะเผชิญข้อกล่าวหาร้ายแรง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าจะไม่อาจสั่นคลอนอิทธิพลที่เขาสั่งสมมาได้

แต่แล้วอิทธิพลที่ ก๊ก อาน สั่งสมมาอย่างยาวนาน ได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เมื่อ ศาลอาญาไทยได้อนุมัติหมายจับ ก๊ก อาน ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงิน หลังตำรวจไทยพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่า ก๊ก อาน มีส่วนรู้เห็นกับการอนุญาตให้ใช้ตึก 25 ชั้น และตึก 18 ชั้นในปอยเปต เป็นฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เมื่อหลักฐานเริ่มชัดเจน เจ้าหน้าที่ไทยจึงเปิดฉากปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายที่ซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทยอย่างเข้มข้น โดยช่วงเช้ามืดของวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ตำรวจได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายก๊ก อาน จำนวน 19 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และชลบุรี ภายใต้ปฏิบัติการที่ชื่อว่า ‘ปิดตึกบัญชีม้า ล่านายทุนเขมร’ ที่บรรลุผลได้อย่างน่าประทับใจ โดยเจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางไว้ได้หลายรายการ ประกอบด้วยรถยนต์หรู 9 คัน ทั้งลัมโบร์กีนีและโรลส์รอยซ์ เงินสดกว่า 27 ล้านบาท และเอกสารการโอนเงินข้ามชาติ ที่มีมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท

  • กระแสต่อต้านในระดับสากล

แม้ ก๊ก อาน ยังไม่ถูกขึ้นบัญชีดำโดยตรงจากมหาอำนาจโลก แต่เครือข่ายธุรกิจของเขาเริ่มเผชิญกับแรงกดดันจากนานาชาติ หลัง ลี ยง พัด ผู้เป็นพ่อตาของบุตรชาย ก๊ก อาน ถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำในปี 2567 จากข้อกล่าวหาการค้ามนุษย์

ขณะที่องค์กรตำรวจสากลได้ออกประกาศ Red Notice เพื่อติดตามตัว ก๊ก อาน ไปยัง 195 ประเทศสมาชิก แม้จะไม่เทียบเท่าคำสั่งจับกุมระหว่างประเทศ แต่ก็สร้างแรงกดดันให้ประเทศต่างๆ พิจารณาปฏิเสธการเข้าเมืองและการดำเนินธุรกิจ

  • ระบบอุปถัมภ์ที่ยังคงแข็งแกร่ง

ทว่าการเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่สามารถทำให้อำนาจของ ก๊ก อาน สั่นคลอนง่ายๆ เขายังคงรักษาฐานอำนาจผ่าน 3 ปัจจัยหลัก คือ การสนับสนุนจากฮุนเซนและตระกูล และโครงสร้างธุรกิจที่ซับซ้อน ผ่านการใช้เครือญาติถือครองทรัพย์สิน รวมถึงช่องโหว่ของกฎหมายชายแดน ที่ยังคงเป็นช่องทางทำรายได้ แม้หลังจาก ฮุน มาเนต ลูกชายสมเด็จ ฮุน เซน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง ก๊ก อาน กับรัฐบาลกัมพูชายังคงแน่นแฟ้น การลักลอบขนสินค้าและแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ยังเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ

  • ความท้าทายของการบังคับใช้กฎหมายข้ามชาติ

คดีของ ก๊ก อาน เผยให้เห็นข้อจำกัดของการบังคับใช้กฎหมายในยุคโลกาภิวัฒน์ นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงชี้ว่า เครือข่ายอำนาจแบบข้ามชาติ ไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการดำเนินคดีของประเทศเดียว จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับภูมิภาค การที่ไทยออกหมายจับ ก๊ก อาน เป็นจุดเริ่มต้นให้อาเซียนพัฒนากรอบความร่วมมือใหม่ในการปราบปรามเอาชญากรรมข้ามชาติ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์