‘ภัทรพงศ์ ศุภักษร' หรือ 'ทนายอั๋น บุรีรัมย์' ได้เดินทางมายัง 'สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง' เพื่อให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว กรณีการยื่นคำร้อง - หาช่องทาง ผ่านอำนาจของ ' กกต.' และ 'ผู้ตรวจการแผ่นดิน' ในการที่จะยุติการปฏิบัติหน้าที่ของ 'สว.' ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาใน 'คดีฮั้วเลือกสว.' ภายหลังจากที่ 'นันทนา นันทวโรภาส' สว. ไม่สามารถรวบรวมรายชื่อ ครบ 20 คน โดย 'ทนายอั๋น' ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า ส่วนตัวพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ 'สว.สีน้ำเงิน' ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา และกำลังทยอยรายงานตัว ไปปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ในการสรรหาหรือลงมติรับรอง ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
ทนายอั๋น กล่าวต่อว่า กลุ่มสว.ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าว ในทางสืบสวน - ไต่สวน พบว่ามีการยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง และบุคคลทางการเมือง ล่าสุดมีข่าวว่า ในการเลือกสว.ในระดับประเทศ ครั้งที่ผ่านมา มีผู้สมัครกว่า 63 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบ 2,000 คน โทรติดต่อกับ 'พรรคภูมิใจไทย'
"แม้กระบวนการจะยังไม่ถึงขั้นสิ้นสุด แต่ข้อเท็จจริงในการสืบสวน มันเห็นชัดว่ายุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง เป็นการทำให้ตัวเองตกต่ำอยู่ใต้พรรคการเมือง - อานัตินักการเมือง ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 113 แต่ข้อจำกัดมันมีครับ อาจารย์นันทนาหายังไม่ครบ 20 คน วันนี้จึงมากกตเพื่อขอช่องทาง"
ภัทรพงศ์ ขยายความว่า กกต. สามารถหาช่องทางในการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้เอง และมีการดำเนินการแล้วโดย 'ณฐพร โตประยูร' ดังนั้นส่วนตังจึงจะไปยื่นต่อ 'ผู้ตรวจการแผ่นดิน' ต่อไป พร้อมทั้งตั้งคำถามต่อว่า เป็นการยากหรือไม่สำหรับหน่วยงานอย่าง สว. จะส่งเรื่องใดๆ ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยับยั้งสกัดกั้นไม่ให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย ดังนั้นจึงต้องรอดูท่าทีของ 'แสวง บุญมี' ในฐานะเลขากกต. รวมถึง 'ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน'
"แต่ที่แน่ๆ ผมรู้สึกเสียใจกับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าสว.สีขาว ยังไม่แสดงความกล้าหาญเลยวันนี้ แต่ถึงแม้จะไม่มีช่องทางให้เข้าถึงศาลรัฐธรรมนูญ ผมก็มีไม้สุดท้าย คือการใช้มาตรา 49 ด้วยการไปร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สว.กลุ่มนี้มีที่มาโดยล้มล้างการปกครอง เจอกันที่ศาลรัฐธรรมนูญวันจันทร์หน้า"
ทั้งนี้ ทนายอั๋นได้วิพากษ์การให้สัมภาษณ์ของสมาชิกวุฒิสภา ที่ผ่านมาในเรื่องการใช้ภาษา และเปรียบเทียบความเชื่อมั่นของหน่วยงานระหว่าง 'กรมสอบสวนคดีพิเศษ' กับ 'กกต.' ว่า 'ดีเอสไอ' มีคะแนนมากกว่า พร้อมได้ฝากข้อความเป็นภาษากัมพูชา ไปถึง 'แสวง บุญมี' เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งแปลว่า "ได้ดิบได้ดีก็อย่าเป็นวัวลืมตีน อย่าลืมกำพืดตัวเอง"
