กำลังเป็นประเด็นใหญ่ในโลกออนไลน์ถึงความเป็นส่วนตัวของเหล่าศิลปินดาราที่กำลังถูกคุกคามจากกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าแฟนคลับที่มีความรักแบบสุดโต่งเกินไปหรือ ‘ซาแซง’ โดยในตอนนี้เริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ และเกินกว่าจะควบคุมคนเหล่านี้ได้จนสุดท้ายต้องจบลงที่การดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา หลิงหลิง-ศิริลักษณ์ คอง และ ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ หรือที่รู้จักกันในนามคู่ชิปเกิร์ลเลิฟ หลิง-ออม ได้มอบหมายให้ผู้จัดการส่วนตัวเดินทางไปยังกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรีพร้อมกับทนายความเพื่อยื่นเรื่องดำเนินคดีกับกลุ่มซาแซงที่กำลังสร้างความเดือดร้อนทั้งทางกายและทางจิตใจ
เรื่องราวจะเป็นอย่างไร Spacebar VIBE ได้สรุปมาให้แล้ว!
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ซาแซง คือกลุ่มแฟนคลับที่มีความรักแบบสุดโต่งเกินไป และซาแซงกลุ่มนี้ได้มีพฤติกรรมที่ทำให้คนเป็นแฟนคลับกลุ่มอื่นต้องทุกข์ใจที่ทราบว่าเมนของพวกเขาต้องเผชิญกับการคุกคามเช่นนี้
พวกเขาได้ตามติดชีวิตของหลิงหลิงและออมตลอด 24 ชั่วโมงอย่างกับตัวเองเป็นกล้อง CCTV ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านพักหรือคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ยังมีความกล้าที่จะล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการแอบถ่ายภาพรถยนต์ส่วนตัวหรือที่หนักหน่วงจนไม่คิดว่าแฟนคลับคนหนึ่งจะทำได้คือการติดสินบนคนขับรถส่วนตัวของ ออม กรณ์นภัส ด้วยเงินสด กระเป๋า โทรศัพท์ และของมีค่าอื่นๆ เพื่อแลกกับข้อมูลส่วนตัวและตารางงานของออมโดยอ้างกับคนขับรถว่าที่อยากรู้เพราะเป็นห่วงออมเท่านั้น
หากถามว่าทราบได้อย่างไรว่าซาแซงแอบซื้อคนขับรถไปแล้ว ในส่วนนี้ออมเป็นคนทราบด้วยตัวเองเนื่องจากซาแซงได้ให้โทรศัพท์เครื่องใหม่กับคนขับรถมาซึ่งในตอนนั้นต้องเปิด GPS และเขาใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่ไม่เป็นจนออมต้องยื่นมือมาช่วย แต่ในขณะที่กำลังเปิด GPS กลับเจอแชทไลน์ของซาแซงพอดีจึงเปิดดูทั้งหมดและทราบว่าซาแซงได้ซื้อคนขับรถของเธอไปแล้วจึงดำเนินการเลิกจ้างคนขับรถคนนี้ทันทีเพราะพฤติกรรมเหล่านี้สร้างความหวาดกลัวและทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิต
นอกจากการซื้อคนขับรถไปเป็นผู้ให้ข้อมูลกับตนเองซาแซงกลุ่มนี้แม้ขาดสายข่าวไปก็ยังไม่หยุดความพยายาม พวกเขาได้ขยายขอบเขตการคุกคามไปเรื่อยๆ ถึงบุคคลใกล้ชิดของทั้งคู่ โดยพยายามติดต่อกับครอบครัวของผู้จัดการส่วนตัวและแม่ของนักแสดง รวมทั้งซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อบินไปพร้อมๆ กันทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ไม่เพียงเท่านี้ ซาแซงกลุ่มนี้ยังมีการสร้างกลุ่มไลน์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวของนักแสดงทั้งคู่ และยังมีการเผยแพร่ข้อความที่บิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสี และจับผิดพฤติกรรมส่วนตัว ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของนักแสดงทั้งสองเป็นอย่างมาก
จากการตรวจสอบโดยรองผู้กำกับฯ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรีเบื้องต้นพบว่าขณะนี้สามารถระบุตัวผู้กระทำผิดได้แล้วมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติและกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทางต้นสังกัดมีความตั้งใจจะดำเนินคดีถึงที่สุดเนื่องจากกลุ่มผู้คุกคามไม่ได้มีเพียงกลุ่มเดียว พร้อมเตือนว่าการกระทำของพวกเขาเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหลายข้อหาและควรหยุดพฤติกรรมก่อนจะถูกดำเนินคดี
การดำเนินการทางกฎหมายครั้งนี้ถือเป็นจุดสำคัญที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการบันเทิงไทยในการจัดการกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของซาแซงเพื่อปกป้องศิลปินจากภัยคุกคามที่เกินเลย และยังเป็นการตอกย้ำว่าความรักที่มีต่อศิลปินนั้นควรอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมไม่ใช่เป็นการล่วงละเมิดสิทธิและความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนสำคัญที่กระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงเส้นแบ่งระหว่างความคลั่งไคล้กับการคุกคาม และหวังว่าเหตุการณ์นี้จะนำไปสู่มาตรการคุ้มครองคนในวงการบันเทิงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต
