ปัญหาการใช้ ‘นอมินี’ หรือผู้ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ กลายเป็นหนึ่งในปัญหาเรื้อรังของระบบเศรษฐกิจไทยที่สะสมมานาน โดยเฉพาะในบางอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบจำกัดสิทธิการถือหุ้นของต่างชาติ เช่น ภาคบริการ ภาคค้าปลีก และภาคเทคโนโลยี ส่งผลให้เกิดการจัดตั้งนิติบุคคลโดยมีคนไทยถือหุ้นแทนต่างชาติ เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดของกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
แม้ที่ผ่านมาจะมีความพยายามในการปราบปราม แต่ด้วยข้อจำกัดด้านบุคลากร ข้อมูล และความซับซ้อนของโครงสร้างถือหุ้น ทำให้การตรวจสอบทำได้อย่างจำกัด ส่งผลกระทบทั้งต่อ ผู้ประกอบการไทยที่สุจริต ซึ่งเสียเปรียบด้านการแข่งขัน และต่อรายได้ภาครัฐ ที่สูญเสียจากการเลี่ยงภาษีและหลีกเลี่ยงกฎหมาย
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งปรับยุทธศาสตร์จากเชิงรับเป็นเชิงรุก ด้วยการพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจอัจฉริยะ (Intelligence Business Analytics System: IBAS) โดยใช้ Big Data เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบ คัดกรอง และเชื่อมโยงข้อมูลเชิงลึกของบุคคลและนิติบุคคล เพื่อค้นหาความผิดปกติที่อาจเข้าข่ายเป็นนอมินี ตั้งเป้าสร้างระบบธุรกิจที่โปร่งใส เท่าเทียม และยั่งยืนในระยะยาว
วรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วย รมว.พาณิชย์ กล่าวระหว่างประชุมติดตามการพัฒนาระบบว่า ปัญหานอมินีไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย แต่มันคือความไม่เป็นธรรมที่สะสมมายาวนาน และต้องแก้ด้วยยุทธศาสตร์ข้อมูล โดยระบบ IBAS เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล Big Data ที่กระทรวงพาณิชย์พัฒนาขึ้น เพื่อคัดกรองนิติบุคคลที่อาจเข้าข่ายเป็นนอมินีหรือละเมิดพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนกลไกการกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการไทย และเสริมศักยภาพให้แข่งขันได้อย่างเท่าเทียมกัน
IBAS: เครื่องมือรัฐรุ่นใหม่ ปราบธุรกิจในเงามืด
ระบบ IBAS มีจุดเด่นคือสามารถวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลกับนิติบุคคลได้แบบ Targeted Screening โดยอาศัยข้อมูลจากหลายหน่วยงานรัฐ เช่น กรมสรรพากร กรมที่ดิน ปปง. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้สามารถคัดกรองบริษัทที่มีลักษณะต้องสงสัยได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
ระบบนี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการตรวจสอบตั้งแต่ ต้นทางก่อนการอนุญาตจดทะเบียนธุรกิจ ไปจนถึงการ ติดตามความเคลื่อนไหวของโครงสร้างถือหุ้น ลดภาระเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายกรณี และเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย

เดินหน้ายุทธศาสตร์เชิงรุก ปราบนอมินีแบบเป็นระบบ
ระบบ IBAS เป็นหนึ่งในมาตรการหลักของ คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน โดยตั้งเป้าเปิดใช้อย่างเป็นทางการภายใน สิงหาคม 2568
ที่ผ่านมา (ก.ย. 2567 – พ.ค. 2568) คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการทางกฎหมายกับธุรกิจผิดกฎหมายแล้ว 57,739 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 2,287 ล้านบาท และสามารถลบรายการสินค้าผิดกฎหมายออกจากแพลตฟอร์มออนไลน์กว่า 14,976 รายการ รวมถึง ตรวจสอบ–ปราบปรามธุรกิจนอมินีแล้ว 861 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 15,296 ล้านบาท
สนามแข่งขันต้องยุติธรรม ก่อนที่ธุรกิจไทยจะล้มหาย
การจัดการปัญหานอมินีในภาคธุรกิจครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการบังคับใช้กฎหมายเชิงเทคนิค แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการวาง “ฐานความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ” ให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้บนเงื่อนไขที่เท่าเทียม ลดการเอื้อประโยชน์ให้ทุนต่างชาติผ่านช่องว่างกฎหมาย และลดแรงกดดันทางสังคมจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
“ปัญหานอมินีเป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ไม่สามารถอาศัยแรงงานเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียวได้ ต้องอาศัย เทคโนโลยี และข้อมูล รวมถึงการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐ การพัฒนาระบบ IBAS เป็นหนึ่งในมาตรการภายใต้นโยบายของคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นธรรมสำหรับผู้ประกอบการที่สุจริต และป้องกันการใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม“
— วรวงศ์ กล่าว
