ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย สส.พรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวภายหลังสภามีมติถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร หรือ ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ ออกจากระเบียบวาระ ว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งพวกเราจะใช้กลไกสภาทุกอย่างเมื่อเช้านี้ทั้งหมด แสดงออกว่ารัฐบาลขาดความจริงใจ ประกอบกับผลโหวตที่ออกมา เราเห็นแล้วว่า รัฐบาลมีแค่ประมาณ 250 กว่าเสียงเท่านั้นเอง หากหักลบกันกับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดบ้างที่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ไม่สามารถเห็นด้วยกับพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ จะพบว่า หาก พ.ร.บ.นี้เข้าสู่วาระที่หนึ่ง มีโอกาสสูงมากที่ร่างกฎหมายจะถูกโหวตคว่ำ”
สอดคล้องกับสมมติฐานของเราที่ตั้งไว้แต่แรกว่า ความต้องการถอนร่างในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นไปเพื่อแสดงความจริงใจต่อประชาชน แต่เป็นแทคติกสภา กลัวว่ากฎหมายจะถูกโหวตคว่ำในสภาต่างหาก เราจึงพยายามทวงถามถึงเหตุผลที่แท้จริงของรัฐบาล
เมื่อถามถึงจำนวนเสียงลงมติ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลปริ่มน้ำไป 7 เสียง ขณะที่เสียงฝ่ายค้านลงมติไม่เห็นชอบเพียง 6 เสียงนั้น? ณัฐพงษ์ กล่าวว่า “เรื่องการโหวตของพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค”
สำหรับพรรคประชาชนเราต้องการแสดงออก โดยยืนยันว่า เราเห็นด้วยกับการถอนร่างฯ อย่างจริงใจ เพียงแต่รัฐบาลไม่ได้เหตุผลที่ดีเพียงพอ เราจึงไม่สามารถร่วมการลงมติในครั้งนี้ได้ สำหรับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ จะแสดงออกอย่างไร ก็เป็นเหตุผลของแต่ละพรรค
พร้อยืนยันว่า การลงมติในครั้งนี้ พรรคประชาชนไม่ได้เข้าร่วม
สำหรับการดำเนินการต่อจากนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำร่าง พ.ร.บ.กลับเข้ามาในสภาอีก? ณัฐพงษ์ กล่าวว่า “เป็นหน้าที่ที่เราต้องติดตามและตรวจสอบต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะในวันนี้รัฐบาลอาศัยเสียงข้างมากในการถอนร่างออกไป เพื่อกันร่างถูกโหวตคว่ำ แต่ในอนาคตไม่มีอะไรรับประกันได้เลย ว่าตกลงรัฐบาลจะรอเสียบกลับมาเมื่อไหร่หรือไม่”
เมื่อถามถึงการตอบโต้กันในกรณีที่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน และกรณีที่แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ระบุว่าอนุทินก็ทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น?
ณัฐพงษ์ กล่าวว่า “ต้องไปถามอนุทิน และเป็นสิ่งที่อนุทินจะต้องตอบชี้แจงเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่าสิ่งที่เป็นผลบวก และเป็นทางออกประเทศมากที่สุด คือเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยว”
เมื่อถามอีกว่า การตอบเช่นนี้ของนายกรัฐมนตรีคือการโยนหน้าที่ไปรัฐมนตรีกระทรวงตอบแทนหรือไม่? ณัฐพงษ์ กล่าวว่า “ทุกอย่างอยู่ที่ความรับผิดรับชอบของคนที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ส่วนคนที่เป็นอดีตรัฐมนตรี ซึ่งในปัจจุบันมาอยู่ฝ่ายค้าน จะตอบชี้แจงอย่างไร ว่าในอดีตที่เขาดำรงตำแหน่ง ได้มีการดำเนินการแก้ไขอย่างไร ผมไม่ขอให้ความเห็น”