วงการรถยนต์ไฟฟ้าโลกเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่เมื่อ Hozon New Energy Automobile บริษัทแม่ของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีน Neta Auto ยื่นคำร้องล้มละลายต่อศาลกลางจีฮิง มณฑลเจี้ยงซู เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2025 ด้วยภาระหนี้สินสูงถึง 10 พันล้านหยวน (48,000 ล้านบาท)
เส้นทางสู่การล้มละลายของ Neta Auto เป็นเรื่องราวที่สะท้อนถึงความท้าทายของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่มีผู้ผลิตมากกว่า 50 รายแข่งขันกันอย่างดุเดือด บริษัทที่ก่อตั้งในปี 2014 เคยเฟื่องฟูในปี 2022 ด้วยยอดจำหน่ายทั่วโลก 152,073 คัน แต่กลับดิ่งลงอย่างน่าตกใจเหลือเพียง 64,500 คัน ในปี 2024 ลดลง 57.6%
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือในเดือนมกราคม 2025 ยอดขายในประเทศจีนหดตัวเหลือเพียง 110 คัน เท่านั้น สะท้อนถึงการสูญเสียความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างสิ้นเชิง การขยายตัวไปต่างประเทศอย่างรุนแรงใน 35 ประเทศ พร้อมการสร้างโรงงานในไทย บราซิล และเม็กซิโก กลายเป็นการกระจายทุนที่ทำให้บริษัทเสียสมาธิจากการพัฒนาสินค้าหลัก
วิกฤตใหญ่ในไทยลูกค้าไปไม่เป็น
ลูกค้ารถเนต้าในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการล้มละลายครั้งนี้ ในฐานะตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของ Neta Auto ด้วยรถที่ขายได้ 25,000 คัน ลูกค้าไทยต้องเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนหลายด้าน
ปัญหาเริ่มต้นจากการหยุดดำเนินงานของ Neta Auto Thailand ในเดือนมิถุนายน 2025 หลังยอดขายดิ่งลง 43% เหลือเพียง 1,256 คัน ในช่วง 5 เดือนแรก ตัวแทนจำหน่าย 18 ราย ยื่นร้องเรียนต่อกรมสรรพสามิตเรื่องความเสียหายรวม 200 ล้านบาท จากเงินอุดหนุนที่ไม่ได้รับและปัญหาสินค้าคงคลัง
เมื่อเริ่มเกิดวิกฤต ตัวแทนจำหน่ายบางแห่งมีการลดราคา รถเนต้าที่อยู่ในสต็อคออกมาขายในราคาถูก เหมือนกับทุบตลาด โดยตัดผลประโยชน์เรื่องการรับประกันรถออกทั้งหมด ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อบางกลุ่ม ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายออกมาประเมินแล้วว่า เนต้าน่าจะประสบปัญหาอย่างหนัก
เซิน เผา หลง อดีตผู้บริหาร Neta Auto Thailand เคยออกมายอมรับว่า ชะตากรรมของบริษัทย่อยขึ้นอยู่กับการอยู่รอดของบริษัทแม่ในจีน คำพูดนี้กลายเป็นจริงเมื่อบริษัทแม่ล้มละลาย
เมื่อบริษัทแม่ในจีนล้มละลาย ทางเนต้า ประเทศไทย ยังไม่มีความเคลื่อนไหว หรือชี้แจ้งแต่อย่างใดทั้งสิ้น
บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด จดทะเบียนตั้งแต่ธันวาคม 2564 โดยมีผู้บริหารจีนเป็นกรรมการหลัก จนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รายชื่อกรรมการเปลี่ยนแปลงเหลือเพียงนางสาวสรินยา ศรีไทย พนักงานตำแหน่ง Sale Operation Specialist เป็นกรรมการคนเดียว และเธอได้แจ้งความไว้ที่ สน.ทองหล่อว่า บริษัทจะมีกรรมการร่วมกัน 2 คน แต่เวลานี้มีคนเดียวบนเอกสารทั้งหมด จึงแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
เรื่องของ NETA Auto เป็นมากกว่ารถขายไม่ดี เพราะมันสะท้อนปัญหาโครงสร้าง การบริหารข้ามชาติ ความเสี่ยงของดีลเลอร์ในไทย และอนาคตของอุตสาหกรรม EV จากจีน
ลูกค้าไทยเผชิญปัญหาอะไหล่สำคัญอย่างระบบขับเคลื่อนหาไม่ได้ ทำให้รถติดอยู่ที่ศูนย์บริการนานหลายเดือน มีลูกค้าแจ้งว่าไม่สามารถใช้รถได้มากกว่า 60 วัน เพราะรออะไหล่ ศูนย์บริการในต่างจังหวัดกว่าครึ่งปิดตัว บังคับให้ลูกค้าหาอู่ซ่อมที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทำให้การรับประกันเป็นโมฆะ
ปัญหายิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อลูกค้าไม่สามารถขอป้ายทะเบียนสีขาวได้ เนื่องจากเอกสารไม่ครบถ้วนจากการที่บริษัทจีนหยุดดำเนินงาน
กลไกปกป้องผู้บริโภค
สภาผู้บริโภคแห่งประเทศไทย (TCC) บันทึกเรื่องร้องเรียน 69 ราย ตั้งแต่ปี 2024 และเรียกร้องมาตรการแก้ไข 7 ข้อ รวมถึงการขยายระยะเวลารับประกัน การรับประกันอะไหล่ และการชดเชยค่าซ่อมจากภายนอก
สถานการณ์ปัจจุบันมีทางออกหลักสามทาง ทางแรกคือการซื้อกิจการโดยบริษัทยักษ้ใหญ่ โตโยต้าเคยสำรวจการซื้อสินทรัพย์ของ Neta ในราคา 6 พันล้านหยวน เพื่อเร่งกลยุทธ์รถยนต์ไฟฟ้าในจีน หากสำเร็จอาจทำให้การผลิตในไทยกลับมาดำเนินงานและใช้เครือข่ายบริการของโตโยต้าดูแลการรับประกัน แต่การเจรจายังคงหยุดชะงักเมื่อพบหนี้สินที่ไม่เปิดเผยเกิน 200 ล้านดอลลาร์
ทางที่สองคือการปรับโครงสร้างภายใต้การดูแลของศาล โดยมีแผนร่างเมื่อ 12 มิถุนายน 2025 ระบุการกลับมาผลิตที่ตงเซียงภายใน 3 เดือน การให้ความสำคัญกับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ และการดูแลการรับประกันผ่านพันธมิตรภายนอก
ทางสุดท้ายคือการเลิกกิจการสมบูรณ์ ซึ่งจะส่งผลให้สินทรัพย์ในไทยถูกยึดโดยเจ้าหนี้ไทยตามกฎหมายล้มละลาย และต้องดูว่า เงินกองทุนอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า 2 แสนล้านบาทสามารถนำมาทำอะไรได้บ้าง
ลูกค้าไทยมีทางเลือกทางกฎหมายคือ การฟ้องร้องแบบกลุ่มภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค การไกล่เกลี่ยผ่านกรมสรรพสามิต แต่ในด้านการใช้รถ ก็ต้องหาอู่ และอะไหล่เอง โดยไม่มีศูนย์บริการ
การล้มละลายของ Neta Auto ไม่ใช่เพียงเรื่องราวของบริษัทหนึ่ง แต่เป็นสัญญาณเตือนของวิกฤตโครงสร้างในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจีน ที่โกลด์แมนแซ็กส์ประเมินว่า กำลังการผลิต 20 ล้านคันแต่ใช้ไปเพียง 50% เท่านั้น เนื่องจากยอดขายรถไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
สำหรับไทย วิกฤตครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในการปฏิวัติ เปลี่บยผ่านจากรถน้ำมันไปสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า