หลังแลกหมัดกันมาระยะหนึ่งเรื่องปรับ ครม.ระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) กับภูมิใจไทย (ภท.) จะปรับแบบไหน แค่ริบคืนเก้าอี้มหาดไทย ตามคำขู่กรรโชกจาก ทักษิณ ชินวัตร หรือถึงขั้นต้อง ‘เขี่ยทิ้ง’ ภท.อัปเปหิออกจากรัฐบาลเลยหรือไม่
ในระหว่างที่ศึกแดง-น้ำเงิน กำลังพันตู เป็นจังหวะเดียวกับที่ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ เดินทางไปประชุมต่างประเทศพอดี แต่ก็เสมือนแบ่งบทกันเล่น โดยในประเทศแหล่งข่าวจากพรรคสีน้ำเงิน โยนข้อเสนอให้ พท.ปรับครม.แบบล้างไพ่ใหม่
นัยว่าจะคายเก้าอี้มหาดไทยให้เพื่อไทย ก็ต้องรักษารูปมวยเอาไว้หน่อย ไม่ใช่ประเคนให้ดื้อๆ ตามคำขู่
โดยพรรคสีน้ำเงิน ได้ยื่นข้อเสนอ 2 สูตร ประเภท 1 แลก 2 ซึ่งสูตรแรก เอามหาดไทย แลกกับ ‘คมนาคม สาธารณสุข ท่องเที่ยวและกีฬา’ ส่วนอีกสูตร แลกกับ ‘พาณิชย์ เกษตรฯ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดีอี’
แต่ทั้งหมด ถูกปฏิเสธจาก ‘เสี่ยหนู’ ว่าไม่จริง แถมให้โฆษกภูมิใจไทย ออกมาแถลงอย่างเป็นงานเป็นการ ยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือเรื่องปรับ ครม.ใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้รอหัวหน้าพรรคกลับจากต่างประเทศก่อน
ทว่าในระหว่างที่สถานการณ์กำลัง ‘ขลุกขลิก’ ลูกกำลังชุลมุนอยู่หน้าประตู บังเอิญมีสองเหตุการณ์ตีคู่มาพร้อมๆ กัน นั่นคือ ปัญหาความขัดแย้งในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่แตกดังโพละ แยกเป็น 2 ก๊ก โดยภาพที่เห็นไม่ว่าจะเป็นวงข้าวหรือวงกาแฟ ที่มี ‘เสี่ยเฮ้ง’ สุชาติ ชมกลิ่น นั่งเป็นประธาน
มันคือการคุยเรื่องเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำอย่างที่ สส.ชุมพร ออกมาแก้เกี้ยว
ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวแทรกเข้ามาว่า ‘ภท.-รทสช’ นัดทานข้าวมื้อพิเศษร่วมกัน แม้ต่อมา ‘เสี่ยหนู’ จะปฏิเสธไปแล้ว แต่ก็ยอมรับว่าเคยทานข้าวร่วมกันไปแล้วก่อนหน้านี้ เท่ากับต่อภาพการไปเยี่ยมไข้อนุทินของ พีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ให้เห็นความแนบแน่นของสองพรรคนี้เพิ่มมากขึ้น
สื่อให้เห็นถึงการจับมือไปไหนไปกันของ ‘อนุทิน-พีระพันธุ์’ อารมณ์เดียวกับที่ภูมิใจไทย เคยจับมือกับประชาธิปัตย์ (ปชป.) สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พรุ่งนี้ ถ้าจะปรับภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล ไม่ใช่แค่ 69 เสียง ที่จะหายไปเท่านั้น แต่ยังมี รทสช.พ่วงด้วย ซึ่งไม่ว่าพีระพันธุ์ จะมี สส.อยู่ในมือกี่เสียงก็ตาม แต่ก็สวมหมวกหัวหน้า รทสช.อยู่ แถมเกลอเก่า ปชป.ก็ยังคงสนิทแนบแน่น
อีกเรื่องคือปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ที่รัฐบาลเพื่อไทย เพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก เสียรังวัด เสียคะแนนเสียง เสียความเป็นผู้นำ จนถูกกองทัพแย่งซีน กระชากลูกไปอยู่ในเท้า ตอบข้อสงสัยที่มีมานานว่า ‘มีทหารไว้ทำไม’
เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ในขณะที่การปะทะกันที่ช่องบกมีทหารเขมรเสียชีวิต 1 ศพ แต่ในครม.แม้จะอยู่ห่างไกลจุดปะทะ
แต่มีรัฐมนตรีเป็นศพไป 2 ศพ โดยศพแรกถูกทิ้งไว้ในพื้นที่ NO MAN LAND อีกศพอยู่ในทำเนียบรัฐบาล
ด้วยเหตุนี้กระมัง ช่วงสายวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ทันทีที่ลงเครื่องสนามบินสุวรรณภูมิ ‘เสี่ยหนู-อนุทิน’ จึงตอบคำถามนักข่าวเรื่องปรับครม.แบบขึงขัง เป็นหนังคนละม้วน แถมลำเลิกเรื่องเก่าเรื่องหลังแบบไม่มีกระมิดกระเมี้ยนว่า
“พรรคภูมิใจไทย อยู่ดีๆ ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล อย่าลืมว่าเรามาตามคำเชิญของพรรคเพื่อไทย จำได้หรือไม่วันที่ไปกินช็อคมิลล์ เราก็ไป พรรคเพื่อไทยเชิญมา เกือบจะออกจากตึกไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะถูกปิดล้อมจากผู้ชุมนุม กดดันน่าดูเหมือนกันกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้”
อนุทิน ย้ำว่า ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการปรับครม.ใดๆ หากถามมาก็จะยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะรัฐมนตรีทุกคนทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคฯ ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
“มันไม่มี อะไรที่ตกลงไปแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น”
อนุทินสำทับชัดๆ เรื่องไม่มีการแลกกระทรวง
คำถามคือ ความพยายาม จะเอาเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย คืนจากพรรคภูมิใจไทยมีจริงหรือไหม ต้องตอบว่าจริงล้านเปอร์เซนต์ โดยมีคำยืนยันจากคนในพรรคสีน้ำเงินว่า
“มันจะเอาให้ได้ แต่มันมีแค่ 142 เสียง จะมาทุบเอาได้อย่างไร ถ้ามีสัก 250 เสียง ก็ว่าไปอย่าง”
ถามต่อว่า นายใหญ่ต้องการเขี่ยพรรคภูมิใจไทยจริงไหม ก็ตอบเหมือนเดิมอีกนั่นแหล่ะว่าจริง เพียงแต่ ‘ผู้กอง’ ที่รับปากจะไปกวาดต้อนไพร่พลมาเติมนั้น ถึงเวลาทำไม่ได้อย่างที่โม้ไว้
สุดท้าย จึงทำให้หนู (หมู) ไม่กลัวน้ำร้อน กล้าประกาศแตกหัก เพราะ ‘ครูใหญ่’ ซึ่งถนัดเกมใต้ดินประเมินดูแล้วงานนี้ ‘นายเก่า’ เสื่อมราคา บุญเก่าก็เกือบจะเกลี้ยง ส่วนศุกร์ 13 มิถุนายนนี้ แม้จะยังไม่มีคำตอบสุดท้าย แต่อย่างมากคงยืดลมหายใจไปได้อีกไม่เกินครึ่งเดือน
สรุปไม่คายเก้าอี้ มท. แต่ถ้าจะเอาก็ต้องแลกตามสูตรที่เสนอ นี่คือ ภาคใหม่ของการเมืองฉบับ มันจบแล้วครับนาย?!