‘เสกสกล อัตถาวงศ์’ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ยื่นหนังสือถึง ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี ขอให้คัดค้านการแต่งตั้ง ‘พีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เป็นรัฐมนตรี ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เสกสกล กล่าวว่า หลังจากที่ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเพื่อเป็นพรรคสำรองให้กับ ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ อดีตนายกฯ ซึ่งพีระพันธ์ุก็ได้มาขอเพื่อจะใช้หาเสียงเลือกตั้ง ส่วนตัวจึงยินยอมให้ แต่ 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีเรื่องที่เป็นห่วงคือ
- การพยายามแอบอ้างนำชื่อพลเอกประยุทธ์ ที่เป็นดีเอ็นเอ ทำให้เสียหาย ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ลาออกไป และได้เป็นองคมนตรีแล้ว ยุ่งการเมืองไม่ได้ แต่ผู้ใหญ่ในพรรคถึงเหล่าด้อม พีระพันธ์ุ พยายามเอา พล.อ.ประยุทธ์ มาแอบอ้างตลอดเวลา และสิ่งที่ทำให้ทุกข์ใจคือ หัวหน้าพรรคบริหารพรรคไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ ว่าจะสร้างพรรคให้เกิดความเข้มแข็งและเจริญรุ่งเรือง เพื่อเป็นที่พึ่งพาประชาชน แต่หัวหน้าพรรคทำให้พรรคแตกแยก แตกความสามัคคี จนหลายคนบอกตนว่าหัวหน้าพรรคเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นหลัก หัวหน้าพรรคเอาแต่พวกตัวเอง โดยตั้งคนของตัวเองไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง
- พีระพันธ์ุ ยังไม่ลาออกจากการถือหุ้นใน 4 บริษัท และยังมีการเคลื่อนไหวของบริษัทอยู่ ซึ่งตามหลักกฏหมายแล้วไม่สามารถทำได้ การจะเป็นรัฐมนตรีจะต้องลาออก และดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้มีผู้ร้องเรียนหลายหน่วยงาน
- พีระพันธ์ุ ถูกเรียกสอบในเรื่องที่นำป้ายชื่อตัวเองไปติดถุงยังชีพที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ไปชี้แจง
- พีระพันธ์ุ ไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ ก่อนที่จะลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และเป็นแคนนดิเดตนายก ฯ คนที่ 2 ของพรรค จากนั้นถึงลาออกย้อนหลัง 40 กว่าวัน ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้งสส. ที่ผ่านมามีหลายคนยื่นเรื่องนายพีระพันธ์ุให้นายก ฯ แต่นายก ฯไม่ตรวจสอบ มองว่าหลอกนายกฯ
เสกสกล กล่าวว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เห็นว่าพีระพันธ์ุซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค พยายามที่ใช้อำนาจครอบงำพรรคโดยไม่เป็นประชาธิปไตย เรื่องนี้เคยคุยกับ ‘เอกนัฏ พร้อมพันธุ์’ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาพรรคแล้ว ว่าหัวหน้าพรรคไม่ฟังใครเลย พยายามโหนกระแส พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งด้อมพีระพันธ์ุไปเลียนแบบด้อมพรรคส้มมาซึ่งไม่ควรทำ ได้คุยกับนายเอกนัฏแล้ว ส่วนตัวนั้นใจvยากเชียร์เอกนัฏเป็นหัวหน้าพรรคแทน ซึ่งเดิมทีเคยมีข่าวว่าพีระพันธ์ุจะปลดออกจากเลขาพรรค แต่ด้วยความเป็นสส.รุ่นใหม่ ไม่อยากมีปัญหาจึงปรับตัวจนสามารถทำงานให้พรรคได้
เสกสกลยังมองอีกว่า คนในพรรคอย่าง ‘เอกนัฏ’ - ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ รมช.พาณิชย์ และ ‘จุติ ไกรฤกษ์’ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ที่มีศักยภาพพร้อมสามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ โดยในวันที่มีการแถลงข่าวที่พรรค ในกรณีจุดยืนของพรรคว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ เห็นได้ชัดเจนว่าให้นักข่าวไปรอถึง 2 ชม. รวมถึงมติพรรค หัวหน้าพรรคก็ไม่ได้มีการแถลง แต่ให้ 2 คนคือ ‘วิทยา แก้วภราดัย’ รองหัวหน้าพรรค และจุติ มาให้สัมภาษณ์แทน ว่าให้หัวหน้าพรรคไปเจรจากับนายกฯ ก่อน โดยให้ลาออกและให้คนอื่นเป็นแทน จึงจะยอมร่วมรัฐบาล แต่กลับมีข่าวต่อมาว่า นายกฯ ต่อรองขอให้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณวาระที่ 2 และ 3 อีก 3 เดือนก่อน เดี๋ยวจะลาออกให้
อีกทั้งยังมีข่าวว่า ‘เนวิน ชิดชอบ’ ประธานบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดและ ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยฯ (กปปส.) สนับสนุน ‘พีระพันธุ์’ เป็นนายกฯ หาก ‘แพทองธาร’ ไปต่อไม่ได้ และที่ให้โฆษกพรรคออกมาพูดว่า สิ่งที่วิทยาและจุติ ออกมาบอกไม่ใช่มติพรรค อำนาจผู้บอกมติพรรคเป็นพีระพันธุ์เท่านั้น จึงมองว่าพรรคเผด็จการใช่หรือไม่ เมื่อการให้ข่าวของวิทยา และจุตินั้น ไม่ตรงกับที่หัวหน้าพรรคต้องเอาปี๊ปคุมหัว หรือไม่ก็ต้องลาออกจากสส.
เสกสกล กล่าวต่อว่า วันนี้จึงมายื่นหนังสือถึงนายกฯ ว่า ต้องพึงระวังว่ามีบุคคลที่เคยกระทำผิด ที่จะถูกแต่งตั้งเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ขณะนี้องค์กรอิสระกำลังไต่สวนอยู่ โดยเรื่องจะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ หากตรวจสอบแล้วพบว่าพีระพันธุ์มีความผิด ก็จะมีคนไปร้องเรียนท่านนายกฯ ให้พ้นตำแหน่ง เหมือนกรณี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ อดีตนายก ฯ อีกทั้งห่วงใยพรรค และต้องการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค จึงอยากเตือนนายกฯ ว่าการปรับครม. ในครั้งนี้ อยากให้ปรัพีระพันธุ์ออกจากตำแหน่งรองนายก ฯ และรมว.พลังงาน ก่อนที่นายกฯ จะเดือดร้อน
‘สนธิญา’ ยื่นค้านตั้ง ‘พีระพันธุ์’ เป็น รมต. จ่อยื่นยุบพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด
ขณะที่ ‘สนธิญา สวัสดี’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้ง ‘พีระพันธุ์' ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีเรื่องถูกกล่าวหาที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) และมีเรื่องร้องเรียนในองค์กรอิสระ จำนวนกว่า 15 เรื่อง และให้กำลังใจ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกฯ กรณีการถูกอัดคลิปเสียงการพูดคุยระหว่าง ‘สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน’ ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งไม่เป็นไปตามมารยาทสากล ที่ยอมรับกัน
โดยสนธิญา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของการกระทำผิดเกี่ยวกับบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญในเรื่องการถือหุ้นหรือการฝ่าฝืนจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยื่นหนังสือและเอกสารต่างๆ เพื่อให้นายกฯ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งและจะยื่นฉบับนั้นไปให้ประธานองค์การมนตรีด้วย และในวันที่ 25 มิ.ย. 2568 จะเดินทางไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นยุบพรรครวมไทยสร้างชาติ กรณีการกระทำที่ขัดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 20 มาตรา 21 มาตรา 25 มาตรา 54 มาตรา 56 และมาตรา 92 (3) ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนกรณีที่พรรคการเมืองไปสนับสนุนทำให้เกิดความแตกแยกเกิดขึ้นในสังคม และสิ่งที่ยื่นจะล้อไปกับคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และจะยื่นยุบพรรคร่วมรัฐรัฐบาลทั้งหมด แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคกล้าธรรม ให้ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ทางการเมือง ด้วยเหตุผลของการที่คลิปเสียงของนายก ฯ และสมเด็จฮุน เซน เพราะเห็นว่าการไปร่วมรัฐบาลเป็นการกระทำฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่ตนกล่าวมาข้างต้นทั้งสิ้น และในกรณีของพรรครวมไทยสร้างชาติตนจะยื่น ป.ป.ช. ในเรื่องการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงด้วย
สนธิญา กล่าวอีกว่า จะยื่นเอกสารเกี่ยวกับการถือหุ้นของพีระพันธ์ ซึ่งเคยมีการจับบุคคลหนึ่งในทำเนียบรัฐบาล และมีการบอกว่าบุคคลนั้นโดนให้ออกแล้ว 2 เดือน แต่ตามข้อมูลของตนบุคคลนั้นนั่งอยู่ในที่ประชุมเดินออกมาแล้วถูกจับ และประเด็นต่อมากรณีมีหมายเรียกจาก ป.ป.ช. แล้วกลุ่มบุคคลของพรรครวมไทยสร้างชาติออกมาพูดจาปราศรัยไปในทางที่บอกว่า หมายของ ป.ป.ช. นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และบางคนบอกว่าหมายของ ป.ป.ช. นั้นมีการเอาฝากไว้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งตนไม่เชื่อว่าบุคคลซึ่งอยู่ในพรรคการเมืองมีบริวารอยู่รอบจะพูดได้ถึงขนาดนี้ และเรื่องนี้ตนได้ร้องเรียน ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องความผิดตาม พ.ร.บ. คอมฯ และการใส่ร้ายอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. และเร่งรัดให้ ป.ป.ช.อออกหมายเรียกกรณีการแจกถุงยังชีพด้วย
ในส่วนประเด็นการถือหุ้น 4 บริษัท ส่วนตัวได้ยื่นมาแล้วเป็นเดือน และพีระพันธุ์สามารถออกมาชี้แจงได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร วันนี้เป็นโอกาสดีแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนแปลงตำแหน่งรัฐมนตรีก็ตาม แต่ตนเรียกร้องให้นายกฯ ตรวจสอบข้อมูลของตนอีกครั้ง และหากมีการแต่งตั้งดำเนินการต่อ จะร้องนายก ฯ ว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ที่มีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืนจริยธรรมเช่นเดียวกับกรณี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ อดีตนายก ฯ และอีกส่วนหนึ่งคือการที่ตนจะส่งเรื่องและเอกสารไปให้ประธานองคมนตรี เพราะตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 10 วรรค 2 องคมนตรีสามารถอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ต่อพระมหากษัตริย์ได้ ต่อเมื่อพระองค์ทรงขอคำแนะนำ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตนยื่นไปก็สุดแล้วแต่พระองค์จะพิจารณา แต่วันนี้มีรัฐมนตรีคนหนึ่งกระทำการฝ่าฝืนผิด พ.ร.บ.การถือหุ้น ผิดรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงซึ่งกำลังจะนั่งเป็นรัฐมนตรีต่อ
รวมถึงจะร้องกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติที่ออกมาพูดว่าจะให้นายก ฯ ลาออก หากไม่ลาออกพรรครวมไทยต่างชาติจะถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตนจึงตั้งคำถามว่าคำพูดแบบนี้คนที่เป็นพรรคการเมืองที่เป็น ดีเอ็นเอ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายก ฯ ใช้คำพูดแบบไหนพูด ใช้ความรู้สึกแบบไหนพูด ในขณะที่ประชาชนบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ อยากให้พรรคดังกล่าวซึ่งเป็นความหวังของเขาถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และส่งกำลังใจให้นายก ฯ กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ด้วยเหตุผลที่ว่าการที่ประเทศในโลกใบนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา รัสเซีย เกาหลีใต้ หรือเกาหลีเหนือ ก็มีสายตรง มีการโทรศัพท์ถึงกันตลอด
ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่นายกรัฐมนตรีประเทศหนึ่งจะคุยกับประเทศหนึ่ง แต่สิ่งที่แปลกคือการนำเอาความลับที่พูดกัน 2 คน แล้วมีคนแปล นำมาเผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งเป็นมารยาททรามของผู้นำในประเทศนั้น ๆ และมั่นใจว่าต่อไปในโลกใบนี้ใครจะกล้าพูดกัน หากผู้นำพูดกันแล้วนำคลิปมาเปิดเผย ส่วนในประเด็นคำพูดของนายก ฯ ไม่ว่าประเด็นคาบเกี่ยวกับแม่ทัพภาคที่2 หรือประเด็นที่จะให้ทุกอย่างที่สามารถทำได้ ก็เป็นเรื่องของประชาชนที่อยู่ภายใต้บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย สามารถยื่นตรวจสอบ หรือยื่นร้องเรียน หรือยื่นดำเนินคดีต่อนายกฯ ได้ตามสิทธิ์และเสรีภาพ และการชุมนุมก็สามารถทำได้โดยไม่ละเมิดสิทธิบุคคลอื่น