คนบางคนอาจสุขใจกับการมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 70,000 ปอนด์ (ราว 3.1 ล้านบาท) แน่นอนว่าเป้าหมายนี้อาจดูเหมือนเป็นความฝันของใครหลายๆคน แต่เชื่อหรือไม่ว่างานวิจัยใหม่พบว่ามีวิธีอื่นที่สามารถเพิ่มความสุขและความพึงพอใจในชีวิตได้เทียบเท่ากับการมีรายได้ที่สูงขึ้นมากด้วยนะ และวิธีนั้นก็คือ ‘การเลี้ยงน้องหมา หรือน้องแมว’ นั่นเอง
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคนต์ได้ทำการวิจัยเพื่อประเมินผลกระทบของการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงต่อความพึงพอใจในชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของคนคนหนึ่ง ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า “การมีสัตว์เลี้ยงสามารถส่งเสริมสุขภาพจิตใจ ลดความเครียด และเพิ่มความรู้สึกมีความหมายในชีวิต อีกทั้งยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมและลดความเหงา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมสุขภาพจิตในระยะยาว”
เลี้ยงหมาแมว = การมีรายได้ 70,000 ปอนด์?

ที่น่าทึ่งก็คือ “การคำนวณของนักวิจัยชี้ให้เห็นว่าการมีสัตว์เลี้ยงช่วยเพิ่มความสุขและทำให้เจ้าของอารมณ์ดีได้เทียบเท่ากับการมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 70,000 ปอนด์เลยทีเดียว”
“งานวิจัยนี้ตอบคำถามได้อย่างชัดเจนว่า น้องหมาน้องแมวเป็นเพื่อนที่ดีต่อเราหรือไม่ และคำตอบก็คือ ‘ใช่อย่างแน่นอน’...สัตว์เลี้ยงดูแลเรา และความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงนั้นมีคุณค่าทางจิตใจที่ประเมินค่าได้ในเชิงเศรษฐศาสตร์อย่างมีนัยสำคัญ” ดร.อเดลินา กชวันท์เนอร์ หัวหน้าทีมวิจัย กล่าว
“มูลค่าทางการเงินที่เราประเมินได้สูงถึง 70,000 ปอนด์ สำหรับทั้งแมวและสุนัข...เราเชื่อว่ามูลค่านี้มีความสมเหตุสมผลและสามารถนำไปใช้ในทางปฏิบัติและนโยบายด้านสุขภาพเพื่อเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีและความพึงพอใจในชีวิตของมนุษย์ที่มีสัตว์เลี้ยงร่วมด้วย” นักวิจัยระบุ
งานวิจัยนี้เผยแพร่ออกมาไม่นานหลังจากผลสำรวจที่จัดทำโดย MyPet.com ซึ่งสำรวจคนอังกฤษจำนวน 2,000 คน แล้วพบว่า :
- 81% มองว่า สัตว์เลี้ยงของพวกเขาเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
- ขณะที่ 41% บอกว่า สัตว์เลี้ยงของพวกเขาเหมือนลูกของพวกเขาเอง
ผลการวิจัยทำให้แม้แต่บรรดานักวิจัยเองก็ต้องประหลาดใจ “ตอนแรกที่ฉันได้รับค่าประเมินมูลค่ามา ฉันรู้สึกประหลาดใจมาก ฉันคิดว่านั่นเป็นเงินจำนวนมากทีเดียว แม้แต่สำหรับฉันที่รักสัตว์เลี้ยง ก็ตาม” ดร.กชวันท์เนอร์ เผย
ความสุขในการเลี้ยงน้องหมาน้องแมวเทียบได้กับการพบปะเพื่อน-ครอบครัวเป็นประจำ...

“การมีน้องแมว หรือน้องหมาเป็นเพื่อนร่วมชีวิตสามารถเพิ่มความพึงพอใจในชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีได้มากเทียบเท่ากับการมีคู่สมรส หรือการพบปะกับเพื่อนและญาติพี่น้องอย่างสม่ำเสมอ”
— งานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิจัย ‘Social Indicators Research’ ระบุ
ในการศึกษานี้ ทีมวิจัยได้สำรวจครัวเรือนประมาณ 2,500 ครัวเรือนเกี่ยวกับความพึงพอใจในชีวิต ลักษณะบุคลิกภาพ และการมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วยโมเดลที่เรียกว่า ‘life satisfaction approach’ (แนวทางการประเมิน หรือวัดความพึงพอใจในชีวิตผู้คน) ซึ่งเป็นวิธีการทางเศรษฐศาสตร์ที่ใช้ประเมินมูลค่าที่แฝงอยู่ของปัจจัย หรือเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิต
“อาจฟังดูน่าประหลาดใจ แต่เมื่อพิจารณาว่าคนส่วนใหญ่ถือว่าสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล” ดร.กชวันท์เนอร์ กล่าว
ดร.กชวันท์เนอร์ เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ The Times ว่า เธอได้รับแรงบันดาลใจจากงานวิจัยที่ประเมินมูลค่าของมิตรภาพระหว่างมนุษย์ “ฉันคิดว่า ‘ถ้าสิ่งนี้ประเมินเป็นมูลค่าได้สำหรับเพื่อนมนุษย์ แล้วทำไมกับสัตว์เลี้ยงจะประเมินเป็นมูลค่าไม่ได้ล่ะ?’”
ถึงกระนั้น ดร.กชวันท์เนอร์ก็ยอมรับว่าผลการศึกษานี้ครอบคลุมเฉพาะสุนัขและแมวเท่านั้น ไม่รวมสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น เช่น ปลา แฮมสเตอร์ กระต่าย อีกทั้งยังมีข้อจำกัดอีกประการหนึ่งคือ ข้อมูลไม่ได้ถูกเก็บในหลายช่วงเวลา จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าความสัมพันธ์กับสัตว์เลี้ยงจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในระยะยาว
บางคนอาจสงสัยเกี่ยวกับมูลค่า 70,000 ปอนด์ที่ประเมินไว้ แต่ ดร.กชวันท์เนอร์ เผยว่า “เนื่องจากหลายคนมองว่าสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดและเป็นสมาชิกครอบครัว มูลค่าเหล่านี้จึงดูสมเหตุสมผล…และฉันเชื่อว่าหลายคนยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์เลี้ยงที่มีต่อพวกเขาอย่างแท้จริง”
งานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าการเดินเล่นกับสุนัขเป็นประจำช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ในขณะที่การมีแมวในบ้านสามารถลดความเสี่ยงของโรคหืดและโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ในเด็กที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยง
นอกจากนี้ การลูบสัตว์เลี้ยงยังช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอลในร่างกาย ทำให้เรารู้สึกสงบมากขึ้น ส่งผลดีต่อความดันโลหิต และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าน้อยลง
อย่างไรก็ตาม คลอเดีย จิโอลิตติ-ไรท์ นักบำบัดคู่สมรสและครอบครัว และผู้ก่อตั้งโครงการ ‘Psychotherapy for Young Women’ กล่าวว่า เธออยากให้การศึกษานี้พิจารณาถึงความแตกต่างในรูปแบบการยึดเหนี่ยวทางอารมณ์ (attachment styles) ระหว่างบุคคลกับสัตว์เลี้ยง เพราะสิ่งนี้มีผลต่อระดับความสบายใจและความผูกพันที่สัตว์เลี้ยงมอบให้ “ความสุขนั้นขึ้นอยู่กับความรู้สึกส่วนบุคคล ดังนั้นการแปลงความเป็นอยู่ที่ดีให้เป็นมูลค่าทางการเงินจึงไม่สมบูรณ์แบบ”
ถ้าคุณเป็นเจ้าของน้องหมา หรือแมว คุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้วิทยาศาสตร์มาบอกคุณว่า ‘เจ้าเพื่อนขนปุยมีคุณค่าต่อชีวิตคุณมากเพียงใด’ แต่ จิโอลิตติ-ไรท์ตั้งข้อสังเกตว่า หากมองจากมุมมองด้านสาธารณสุขและนโยบาย ผลการศึกษานี้กลับมีความหมายอย่างมาก