







แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์จากกองบินตำรวจ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ ไปยังจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ ร.12 พัน.3 รอ. (ค่ายสุรสิงหนาท) ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดสีดำ ทะเบียน กท 888 กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจราชการจังหวัดสระแก้ว
จุดแรก เวลา 10.15 น. ที่ห้องประชุมโรงเรียนอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว นายกฯ เป็นประธานการประชุมหารือผลกระทบจากมาตรการจำกัดการเข้า-ออก จุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม, พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) สระแก้ว ตัวแทนเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
โดย ผวจ.สระแก้วกล่าวรายงานและเสนอในที่ประชุม ว่า ได้รับข้อเสนอจากตัวแทนเกษตรกรว่าจังหวัดในแต่ละปีมีการนำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชาผ่านช่องทางสระแก้วปีละ 1 หมื่นล้านบาท จึงเสนอให้ทบทวนโควตานำเข้า เพื่อให้มันสำปะหลังของไทยได้รับการรับซื้อมากยิ่งขึ้น รวมถึงขอให้ยกเลิกการยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านแดนคนละ 1,000 บาทในช่วงสงกรานต์ เพราะสงกรานต์ที่ผ่านมาเงินยกเว้นดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 74 ล้านบาท หากเลิกยกเว้นก็จะมีเงินเข้ามาพัฒนาประเทศ
นอกจากนี้ยังเสนอให้ชะลอหรือยกเลิกกิจกรรมความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา 75 ปี ออกไปโดยไม่มีกำหนด ขณะเดียวกัน จังหวัดสระแก้วเห็นควรระงับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าทุกกรณี ยกเว้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงให้พิจารณาทบทวนโครงการก่อสร้างสะพานโป่งน้ำร้อนที่ใช้งบกลาง เนื่องจากสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา หนองเอี่ยน–สตึงบท ซึ่งอยู่บริเวณตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ มีการก่อสร้างให้ไปก่อนหน้านี้ จึงควรมีการทบทวนหลายเรื่อง แต่ก็ขึ้นอยู่กับนายกฯ รัฐบาล และกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการพิจารณา
นายกฯ กล่าวภายหลังรับฟังรายงานจากหน่วยงานต่างๆ ว่า “ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้วพูดตรงใจในเรื่องปัญหาชายแดน เพราะเข้าใจว่าทุกภาคส่วนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ความจริงดิฉันพูดเสมอว่าสมมุติว่าไปที่จังหวัดไหน ดิฉันจะบอกว่าเราอยากจะกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นให้ได้มากที่สุด เรานั่งทำงานอยู่ ทุกคนที่ทำอยู่ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ ต้องรู้ปัญหาดีกว่าภาคส่วนอื่นๆ ถ้ากระทรวงและรัฐมนตรีทุกอย่างเรียบร้อย จะให้ลงพื้นที่กันเยอะขึ้นเหมือน สส. เพื่อจะได้รู้ปัญหาของประชาชนดีขึ้น”
ที่ประธานหอการค้าฯ พูดถูกเลยว่าตรงนั้นมีปัญหาเรื่องการค้าขายไม่ได้ ไม่ใช่ทะเลาะกันหรือชายแดนมีปัญหา แต่มันติดเรื่องการค้าขาย เพราะมีปัญหาชายแดนเกิดขึ้น ซึ่งทางกองทัพทำอย่างเต็มที่เพื่อสันติวิธี เป็นสิ่งที่ดิฉันต้องคิดเป็นข้อแรกว่าทำอย่างไรให้เกิดสันติวิธี ไม่ให้เกิดการปะทะ ดิฉันเองไปเยี่ยมให้กำลังใจทหารเป็นหมื่นราย ดิฉันจะทำอย่างไรให้ทหารตรงนั้นไม่เกิดการปะทะและสู้รบ และเขายังกลับบ้านได้ กลับไปหาครอบครัวได้ นี่คือหลักอย่างแรก ที่ไม่ให้เสียเลือดเสียเนื้อ เป็นสิ่งที่ดิฉันคิดตลอดว่าต้องทำให้ได้
— แพทองธาร ชินวัตร
นายกฯ กล่าวอีกว่า “แต่ตอนนี้เรื่องค้าขายสำคัญมาก ได้ฟังปลัดพาณิชย์รายงานว่าไปลงพื้นที่ดูว่าสินค้าเกษตรยังติดอยู่ที่ชายแดนหรือไม่ ซึ่งดิฉันได้มอบหมาย รมว.พาณิชย์ ให้ดูเรื่องนี้ไปแล้ว หากประธานหอการค้าฯ มีอะไรเพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มคนที่ค้าขายตรงชายแดน ขอให้บอกได้เลย”
“พูดถึงเรื่องมันสำปะหลัง พูดตรงๆ ว่าราคาตกต่ำเรื่อยๆ เราควรทำราคาของเราให้ดีก่อน แล้วค่อยไปกำหนดโควตาใหม่ ให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดโควตาราคามันสำปะหลังใหม่ ภายในประเทศต้องได้ก่อน ค่อยไปกำหนดของต่างประเทศ ไม่เช่นนั้นจะทำไปทำไม ขอให้ถือเป็นโอกาสดีในการทบทวนมาตรการใหม่ว่าอะไรบ้างที่นำเข้าจากต่างประเทศแล้วทำให้ราคาสินค้าเราไม่ตก ดิฉันจะรับเรื่องนี้ดำเนินการต่อ”
เราให้อำนาจกองทัพดูว่าในพื้นที่ควรปิดหรือเปิดตรงไหน เพราะเราไม่ได้อยู่หน้างาน คนหน้างานจะเห็นได้ชัดเจนและจะได้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
— แพทองธาร ชินวัตร
ด้านพาณิชย์จังหวัดกล่าวว่า มีรถสินค้าติดอยู่ที่ด่านเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา 500 คัน พอมีการปิดด่าน ทุกวันนี้รถบางส่วนยังจอดอยู่ บางส่วนเป็นสินค้าเสียหาย ต้องกลับไปโรงงาน จุดโรจิสติกที่จะไปพนมเปญ เมื่อด่านปิด บริษัทใหญ่เริ่มหันไปใช้เส้นทางมุกดาหารอ้อมไปเวียดนามและเข้าพนมเปญ ผู้ประกอบการจึงส่งสินค้าผ่านลาวแทน
“แปลกใจว่าสินค้าจากอรัญประเทศต้องอ้อมไป 1,000 กิโลเมตร ทั้งที่สินค้าบางอย่างใช้ของไทยมาตลอด ถ้าเว้นช่วงนาน เขาต้องหาของทดแทน อยากให้นายกฯ และหน่วยงานความมั่นคงศึกษาเรื่องจุดของสระแก้วที่เริ่มได้รับความเสียหาย กระทบการส่งออกหมื่นกว่าล้าน ตอนนี้เหลือศูนย์” พาณิชย์จังหวัด ระบุ
ด้านนายกฯ กล่าวว่า “เดี๋ยวจะดูมาตรการพิเศษว่าจะทำอะไรได้บ้าง และให้พาณิชย์จังหวัดช่วยดู ทั้งนี้ ที่มาวันนี้ เรื่องหลักคือการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นมาตรการจำกัดการเข้า-ออกจุดผ่านแดน และจะพยายามรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการจำกัดเวลา”
ผู้ที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลจะช่วยเหลืออย่างไรได้บ้างคือเป้าหมายหลักที่มาในวันนี้ ปัญหาที่ชายแดน ทางทีมไทยแลนด์ก็ดูแลอยู่ครบทุกหน่วย ขอให้ใช้กลไกผ่านกระทรวงมหาดไทยดูแลประชาชนผ่านผู้ว่าฯ ว่ามีอะไรบ้างที่ช่วยเหลือได้ ขอให้ตรวจสอบเรื่องการขอความช่วยเหลือของประชาชน ต้องรวดเร็ว โปร่งใส ไม่ใช่รอครึ่งปีกว่าจะแก้ปัญหา เรื่องพวกนี้อาจต้องทบทวน เพราะระบบเดิมอาจไม่ทันสมัย
— แพทองธาร ชินวัตร
นายกฯ กล่าวอีกว่า “เรื่องกระทรวงพาณิชย์ต้องเร่งช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าตกค้าง รายละเอียดของบริษัทเอกชน แม้ไม่อยู่ในอำนาจรัฐ ก็ต้องฝาก สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทบทวนว่า หากบริษัทเอกชนใดส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ต้องพิจารณาดำเนินการ อาจขอข้อมูลจาก กสทช. เพิ่มเติม และให้กระทรวงดิจิทัลฯ ให้ข้อมูลเรื่องสแกมเมอร์ต่างๆ ด้วย”
ดิฉันต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ความจริงแล้วเราต้องสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนเยอะๆ ว่าเราต้องการทำอะไร ทุกชีวิตสำคัญหมด ชายแดนเป็นเรื่องของสันติวิธี ขอให้ทุกภาคส่วนลงพื้นที่ดูความเดือดร้อนของประชาชนให้ละเอียดขึ้น ดิฉันมั่นใจว่ารัฐยังสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อีกมาก ถ้าได้รับรายงานที่ตรงจุด เราแก้ไขได้แน่นอน มั่นใจอย่างนั้นจริงๆ และมั่นใจว่าทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ รวมถึงทีมงานของทุกคน ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนและกองทัพที่ต้องใช้ความอดทน อดกลั้น รวมถึงความเหน็ดเหนื่อย โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ทราบปัญหาชายแดนดี สามารถมาเข้าร่วมทีมไทยแลนด์เพื่อพูดคุยเรื่องปัญหาต่างๆ ได้
— แพทองธาร ชินวัตร
จากนั้น นายกฯ ได้เยี่ยมชมการเรียนการสอนของโรงเรียนอรัญประเทศ และร่วมกิจกรรมทักทายเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมระบุว่า “เด็กสมัยนี้กล้าแสดงออก ขอให้กำลังใจน้องๆ ทุกคน เรียนอะไรก็ขอให้ผ่านไปด้วยดี อ่านอะไรก็ให้เข้าสมอง ขอให้สอบได้” จากนั้นได้ถ่ายรูปและทักทายกับเด็กๆ อย่างเป็นกันเอง