พาชาติฝ่าวิกฤต! ‘นายกฯ อิ๊งค์’ ยันจะทุ่มเททำทุกนโยบายให้สำเร็จ

31 พ.ค. 2568 - 11:31

  • ‘สภาฯ’ ผ่านฉลุย ‘งบฯ ปี 69’ วาระแรก ท่วมท้น 322 เสียง

  • ‘นายกฯ’ ยันจะทุ่มเททำทุกนโยบายให้สำเร็จ มั่นใจหากร่วมมือกัน พาชาติฝ่าวิกฤตได้

  • วุ่นช่วงตั้ง ‘กมธ.วิสามัญฯ 73 คน’ ก่อนเคลียร์ลงตัว

  • เคาะประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้

พาชาติฝ่าวิกฤต! ‘นายกฯ อิ๊งค์’ ยันจะทุ่มเททำทุกนโยบายให้สำเร็จ

ภายหลังเสร็จสิ้นอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ซึ่งใช้เวลากันไป 4 วันแล้ว, ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีการลงมติเห็นชอบรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 69 ในวาระแรก ผลดังนี้


  • เห็นด้วย 322 เสียง
  • ไม่เห็นด้วย 158 เสียง
  • งดออกเสียง 0 เสียง
  • ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง
  • โดยมีจำนวนผู้ลงมติ 482 เสียง


จากนั้น แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนรัฐบาล กล่าวว่า “ขอขอบพระคุณสมาชิกที่ร่วมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 รัฐบาลตระหนักดีว่าการจัดทำงบประมาณในครั้งนี้ ดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดของวงเงินงบประมาณรายจ่าย มาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจโลกที่มีปัจจัยรอบด้านส่งผลกระทบ ความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ”

“อย่างไรก็ดี มีผลกระทบมากมาย ทุกวันนี้เราก็จะสามารถขับเคลื่อนประเทศให้ไปต่อได้ ก็ด้วยนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลได้เสนอต่อสภา เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งบประมาณที่เสนอไปจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องคนไทยทุกๆ คนได้ รัฐบาลมุ่งมั่นตั้งใจที่จะใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ต่อสภา โดยคำนึงถึงการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณ เพื่อที่จะรองรับปัญหาเร่งด่วน เสริมสร้างศักยภาพ พูดถึงทุนมนุษย์ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวทางยุทธศาสตร์ของชาติอย่างต่อเนื่อง”


นายกฯ กล่าวต่อไปว่า “การจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ และสร้างโอกาสให้กับประชาชนทุกกลุ่มให้เข้าถึงทรัพยากรที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมถึงการมุ่งเน้นการรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศ ให้เป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับข้อคิดเห็นและข้อสังเกต ข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ทุกท่านได้อภิปรายไว้ ขอมอบให้คณะกรรมาธิการวิสามัญที่จะตั้งขึ้นโดยสภาแห่งนี้ นำไปประกอบการพิจารณาอย่างละเอียดและครบถ้วนต่อไป”

“ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง หรือสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพียงแต่ประเทศของเรา แต่ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ตอนเดินทางไปต่างประเทศ ก็ได้คุยกับผู้นำมากมาย มีเรื่องผลกระทบที่เจอในหลายมุมแตกต่างกัน ดิฉันมั่นใจอย่างยิ่งว่า ทุกๆ ประเทศที่จะร่วมมือช่วยกันได้ ก็จะช่วยกันอย่างเต็มที่ การเปลี่ยนแปลงทุกวันนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ท้าทายในการที่จะกำหนดทิศทาง หรือหาข้อสรุปอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นคำตอบที่ชัดเจนในวันนี้”


แต่สิ่งที่ดิฉันมั่นใจ รัฐบาลชุดนี้จะทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำนโยบาย ทุกๆ นโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้สำเร็จเป็นรูปธรรม เราจะลดรายจ่ายของประชาชน เพิ่มรายได้และขยายโอกาส และจะใช้เม็ดเงินจากพระราชบัญญัติงบประมาณชุดนี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน ดิฉันทราบดี เหมือนที่ทุกท่านทราบว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และทราบว่าพี่น้องประชาชนก็ไม่ได้ส่งเรามาทำเรื่องง่ายๆ รัฐบาลทำหน้าที่บริหาร ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบ ถ้าเราทั้ง 2 มุ่งเน้นผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เป็นใจความสำคัญ ดิฉันมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะสามารถทำให้ประเทศผ่านวิกฤตไปได้ และสามารถทำให้เห็นผลสำเร็จร่วมกันได้แน่นอน

แพทองธาร ชินวัตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงระหว่างการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ภายหลังที่ประชุมสภาฯ ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ในวาระรับหลักการ ทางฝ่ายรัฐบาลได้ลุกขึ้นเสนอสัดส่วน กมธ. จำนวน 73 คน แบ่งเป็น


  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) 18 คน
  • สส. แต่ละพรรคการเมืองตามลำดับสัดส่วนอีก 55 คน


อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงการเสนอชื่อสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย ปรากฏว่า กัณวีร์ สืบแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อ ชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย ขณะที่ สุภาพร สลับสี สส.ยโสธร พรรคไทยสร้างไทย เสนอชื่อ ฐากร ตันฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย แทรกขึ้นมาทันที


ทำให้ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ชี้แจงว่า วิปฝ่ายค้านได้หารือและมอบหมายให้ กัณวีร์ เสนอชื่อกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย โดยมีผู้รับรองถูกต้อง และได้รับจดหมายจากกรรมการบริหารของพรรคไทยสร้างไทย ว่าพรรคมีมติให้ ชัชวาล เป็นกรรมาธิการงบประมาณ


แต่ทาง พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม แย้งว่า มีอีกคนหนึ่งที่ได้เสนอชื่อเช่นกัน, สุภาพร จึงได้เสนอชื่อ ฐากร ซ้ำอีกครั้ง พร้อมกับขอผู้รับรอง

พิเชษฐ์ จึงให้วิปทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน ซึ่ง ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า พรรคไทยสร้างไทยได้ส่งหนังสือรับรองมาจากกรรมการบริหารพรรค หากผู้เสนอชื่ออีกฝ่ายอยากให้ลงมติ ก็ลองลงมติดูก็ได้


ขณะที่ อรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม ลุกขึ้นกล่าวว่า “ในพรรคไทยสร้างไทยมีความเห็นไม่ตรงกัน และให้ สส.จากพรรคอื่นเป็นผู้เสนอชื่อกรรมาธิการ เรื่องนี้ประธานควรใช้เวลาในการหาทางออก เพราะเราไม่รู้ว่าใครที่มีความเหมาะสม แต่ผู้ถูกเสนอชื่ออยู่พรรคไทยสร้างไทยทั้งคู่”


ปกรณ์วุฒิ จึงย้ำอีกว่า “ตอนนี้ได้ข้อสรุปแล้ว เพราะหนังสือจากพรรคไทยสร้างไทยมีความชัดเจน” แล้วขอวิงวอนไปยัง ฐากร ให้เคารพมติของกรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย

แต่ อรรถกร แย้งว่า “ในส่วนของพรรคกล้าธรรม การจะเสนอชื่อใครเป็นกรรมาธิการ ไม่มีความจำเป็นต้องทำเป็นหนังสือรับรองจากทางพรรค”


ต่อมา ฐากร ได้ใช้สิทธิ์พาดพิง ชี้แจงว่า “แนวทางปฏิบัติที่ผ่านมา การเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการ คือพรรคของผมเองเป็นผู้เสนอ ไม่ใช่ให้พรรคอื่นเสนอชื่อ วันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อผม แต่พรรคอื่นเสนอชื่อสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยให้ได้เป็นกรรมาธิการ จึงขอให้ประธานวินิจฉัยด้วย”


พิเชษฐ์ จึงวินิจฉัยว่า “ใครจะเสนอก็ได้ ต่อเมื่อมีผู้รับรอง” ก่อนจะถามกลับว่า “ทำอย่างไรกันดี?” และขอให้ที่ประชุมช่วยกัน


เมื่อยังหาทางออกไม่ได้ วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ลุกขึ้นหารือว่า “ตามข้อบังคับให้มีการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญ 73 คน แต่เมื่อสักครู่นี้ สภาผู้แทนราษฎรได้เสนอชื่อกรรมาธิการโดยมีผู้รับรองถูกต้องแล้ว 74 คน หากมีการเสนอชื่อมากกว่าจำนวนกรรมาธิการทั้งหมด ข้อบังคับกำหนดให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นทางลับ ทั้ง 73 รายชื่อนั้น”


ทำให้ พิเชษฐ์ ระบุว่า “หากคุยกันไม่ได้ก็ต้องโหวต แต่ขอให้พูดคุยกันภายในพรรคไทยสร้างไทยก่อน จะได้ลงตัว โดยไม่ต้องใช้กระบวนการอื่น” ก่อนจะสั่งให้พักการประชุม 5 นาที


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่ สส.พรรคไทยสร้างไทย ที่มีแนวโน้มจะย้ายไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ได้มี ไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ในฐานะเลขาธิการพรรคกล้าธรรม นั่งกำกับอยู่ด้วยขณะที่มีการเสนอชื่อ


ต่อมาเวลา 16.45 น. ได้กลับเข้าสู่การประชุมอีกครั้ง โดยที่ประชุมตกลงกันได้แล้ว สุภาพร จึงได้ถอนชื่อ ฐากร ออกจากการเป็น กมธ.ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย โดยมีผู้รับรอง


จากนั้น มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ได้ขอเปลี่ยนรายชื่อในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) จาก พิษณุ หัตถสงเคราะห์ เป็น ฐากร แทน จึงเป็นที่ยุติ และได้ตั้ง กมธ.วิสามัญ จำนวน 73 คน ตามสัดส่วนที่กล่าวไป กำหนดกรอบระยะเวลาในการแปรญัตติภายใน 30 วัน โดยจะมีการนัดประชุมนัดแรกวันที่ 9 มิ.ย.นี้ เวลา 13.00 น.


จากนั้นฝ่ายเลขาฯ ได้อ่านพระบรมโองการปิดสมัยประชุมสภาฯ (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ และ พิเชษฐ์ ในฐานะประธานการประชุม ได้สั่งปิดประชุมในเวลา 17.00 น.


INFO-ลงคะแนนไม่ไว้วางใจ-แพทองธาร (2).jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์