แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์ ถึงผลการสอบสวนหาสาเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ที่พังถล่ม หลังผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์นับจากเหตุแผ่นดินไหว
โดยเมื่อถูกถามว่า นอกเหนือจากเรื่องเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน มีรายงานความคืบหน้าอื่น ๆ เข้ามาหรือไม่? แพทองธาร ระบุว่า เตรียมนัดประชุม อาจจะไม่ใช่วันที่ 4 เม.ย.นี้ ก็เป็นวันที่ 7 เม.ย. เนื่องจากจะมีการรายงานรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ขอให้แน่ใจกว่านี้ก่อน หากพูดไปก่อนอาจมีผลกระทบ แต่ยืนยันว่ามีรายงานความคืบหน้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งเรื่องเหล็กก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจน
เตรียมพร้อมรับมือ ‘สหรัฐฯ’ เคาะรีดภาษีนำเข้าจากไทยสูง 36%
ส่วนกรณีสหรัฐอเมริกาเคาะตัวเลขเก็บภาษีนำเข้า เพื่อตอบโต้ประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ซึ่งไทยถูกตั้งภาษี 36% สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียน
เรื่องนี้ แพทองธาร ว่า ที่จริงแล้วเราต้องปรับโครงสร้างภาษีนำเข้ากับสหรัฐอเมริกา และตั้งคณะทำงานเรื่องการเจรจาต่อรองกับสหรัฐอเมริกา ในส่วนของการปรับโครงสร้างภาษี สินค้านำเข้าไม่ได้มีจำนวนมาก แต่พอเก็บภาษีแพงก็ทำให้ไทยโดนจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ที่ 36% ซึ่งก็ค่อนข้างสูง เราจะต้องมีการเตรียมแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ระยะสั้น ต้องดูว่าเราสามารถพูดคุยเจรจาต่อรอง เพื่อช่วยผู้ประกอบการที่ส่งออก และจะเยียวยาหรือช่วยอะไรได้บ้าง ขณะนี้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ กำลังหาข้อสรุป เพราะตัวเลข 36% เพิ่งออกมา
— แพทองธาร ชินวัตร
ส่วนมาตรการต่าง ๆ ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ทั้งมาตรการเบื้องต้นและสิ่งที่กำลังจะหารือต่อไป เพราะที่จริงตัวเลขเฉลี่ยภาษีอยู่ที่ 9% แต่มีการกำหนดว่า แต่ละประเภทสินค้าไม่ให้เกินเท่าไร เช่น ข้าวโพด จึงมีการนำตัวเลขนั้นมาเป็นค่าเฉลี่ย ซึ่งเป็นวิธีการคำนวณที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงต้องมาดูว่าสามารถปรับสมดุลได้อย่างไร
ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็ได้มีการพูดคุยกับ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ภายหลังมีตัวเลขออกมา แต่ก็มีการหารือกันมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องการตั้งทีมเจรจา จึงไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้
เมื่อถามว่าใครจะเป็นผู้นำในการเจรจา? นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ในการดูแลของปลัดกระทรวงพาณิชย์และปลัดกระทรวงการคลัง
ตัวแทนที่จะไปพูดคุย ต้องดูด้วยว่าจะไปพูดคุยกับใคร ในระดับไหน เนื่องจากมีหลายขั้น แต่ในระดับทำงานก็จะให้ปลัดไปพูดคุยกับทางนั้น รวมถึงรัฐมนตรี
— แพทองธาร ชินวัตร
เมื่อถามต่อว่าตัวเลขที่ออกมา ได้มีการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นกับไทยมากน้อยแค่ไหนหรือไม่? นายกฯ กล่าวว่า เรามีมาตรการดูแลผู้ประกอบการ แต่เรื่องของความเสียหาย คิดว่ายังสามารถเจรจาได้ เพราะตัวเลข 36% ยังไม่ได้เปิดใช้งาน (Activate) มีเพียงบางหัวข้อที่เปิดใช้งานแล้ว เมื่อได้ตัวเลขมา หากสามารถต่อรองและปรับโครงสร้างภาษีให้สมเหตุสมผล ยิ่งสมัยนี้แนวทางการค้าไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป (More for Less - Less for More) ไม่ใช่วิธีการเดิมที่เน้นปริมาณสูงหรือต่ำเกินไป แต่เป็นเรื่องของการเจรจาต่อรอง ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติมจะมีการชี้แจงต่อไป
เมื่อถามว่าเป้าหมายของการเจรจาจะลดภาษีลงเหลือเท่าไร? นายกฯ กล่าวว่า “จะขอให้รายละเอียดอีกครั้ง”
เมื่อถามย้ำถึงตัวเลข 72% ที่สหรัฐฯ อ้างถึง ทราบหรือไม่ว่าตัวเลขดังกล่าวมาจากไหน? นายกฯ กล่าวว่า “โห้ย 72% อย่างที่บอกว่า คือวิธีการคิดตัวเลข แต่จริง ๆ แล้วตัวเลขเฉลี่ยของเราอยู่ที่ 9% แต่วิธีคิดของเขา 72% คือการเอาตัวเลขทั้งหมดที่ไปด้วยมาคิดเป็น 72% แล้วครึ่งหนึ่ง ก็คือ 36% เลยกลายเป็นตัวเลขนี้ ซึ่งเป็นวิธีคิดอีกแบบหนึ่ง เราก็ไม่เคยคิดแบบนี้ แต่ก็เข้าใจแล้ว”
เมื่อถามถึงกรณีจีนนำเข้าสินค้ามาไทย โดยมีการสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทยแล้วส่งออก ทำให้ตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้น? นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบให้เข้มข้นขึ้น เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนจะมีการตั้งภาษีของจีน จึงต้องมีมาตรการตรวจสอบอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าจะทำให้ตัวเลขจีดีพีพลาดเป้าจากที่รัฐบาลตั้งไว้หรือไม่? นายกฯ กล่าวว่า เราต้องไม่ปล่อยให้ถึงจุดนั้น ที่จะทำให้จีดีพีพลาดเป้า
และเมื่อเช้าที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกับ รมช.คลัง ซึ่งจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง และจะชี้แจงรายละเอียดต่อประชาชนโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเพิ่งได้ตัวเลขมาเมื่อคืนนี้ ส่วนแผนหรือกรอบที่วางไว้ ค่อนข้างมีความแน่นหนาพอสมควร แต่เนื่องจากเป็นตัวเลขใหม่ที่เพิ่งออกมา จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม
ที่ผ่านมา เราได้มีการตรึงตัวเลขสินค้าทุกตัว โดยมีหัวหน้าคณะคือ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ทำเรื่องการค้าขายกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งดูทุกสินค้าที่เรานำเข้าและส่งออก ดังนั้น เร็ว ๆ นี้น่าจะมีมาตรการออกมา
— แพทองธาร ชินวัตร
เยือนบุรีรัมย์ เปิดสัมมนาท้องถิ่น
สำหรับวันนี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยเครื่องบินแอร์บัส A320 ไปยังท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ตำบลร่อนทอง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเป็นประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการบริหารราชการระหว่างภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
สำหรับกำหนดการ เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จะเยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานขับเคลื่อนภารกิจกระทรวงมหาดไทยของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ภายใต้แนวทางนโยบาย 5 ด้าน พร้อมรับชมวิดิทัศน์ภารกิจขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะกล่าวเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการบริหารราชการระหว่างภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
ก่อนจะเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ในเวลา 12.00 น. เพื่อปฏิบัติภารกิจต่อที่ทำเนียบรัฐบาล และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำประเทศที่เข้าร่วมการประชุมความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC)