การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ... (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีหนังสือมาถึงสภาฯ เมื่อ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ขอถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกจากระเบียบวาระ

ทั้งนี้ การถอนร่างกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อภิปรายว่า ไม่คัดค้านต่อการถอนร่างกฎหมายดังกล่าว และไม่จำเป็นต้องขอมติ เนื่องจากไม่มีความเห็นแย้ง แต่ขอคำยืนยันจากรัฐบาลว่า หากถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปแล้ว จะไม่เสนอกลับเข้ามาสู่สภาฯ อีก

แต่หลังจากนั้น ภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติคัดค้านการถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกจากวาระของสภาฯ พร้อมกับขอคำชี้แจงจากรัฐบาล

ทำให้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ฐานะตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชี้แจงเหตุผลว่า เพราะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งครม. ชุดใหม่ที่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรี 14 ตำแหน่ง ดังนั้น จึงเป็นความเหมาะสมให้ครม. ที่เป็นชุดใหม่ ได้โอกาสทบทวนเพื่อพิจารณาให้รอบคอบ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังทำเรื่องให้ ครม. พิจารณายอมรับว่ามีความไม่เข้าใจจากสังคม ดังนั้นต้องให้เวลาพิจารณาให้รอบคอบ ขณะเดียวกัน การปรับเปลี่ยนกฎหมายเป็นสิทธิที่ชอบธรรมของ สส.ที่จะปรับเปลี่ยนให้รัดกุมเหมาะสม แต่ไม่ใช่สาเหตุสำคัญที่ว่ากฎหมายมีปัญหา ยืนยันว่าหลักการและเหตุผล เชื่อว่าเป็นประโยชน์กับสังคม

“รัฐบาลเจตนาดีต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนขนาดใหญ่ และสร้างสถานที่ท่องเที่ยววแบบคนสร้าง ปรับเปลี่ยนโครงสรางภาคการท่องเที่ยว โดยการขับเคลื่อนเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ เมื่อมีความหลากหลายทางความคิดในสังคม ขณะที่ประเทศไทยมีปัญหารุมเร้าทั้งปัญหาชายแดน เศรษฐกิจระดับโลก สงครามการค้า รัฐบาลต้องการลดปัจจัยความขัดแย้งในสังคม ผ่อนเบาสถานการณ์ให้ดีขึ้น”
— จุลพันธ์ กล่าว

จุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ที่ตั้งคำถามว่า เมื่อถอนร่างกฎหมายออกไปจะนำกลับเข้ามาอีกหรือไม่นั้น ตอบไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี แต่กฎหมายลักษณะนี้ใช้กระบวนการนาน และหากในสภาฯ เห็นต่าง จะทำให้ต้องใช้เวลานานเป็นเท่าตัว เมื่อมีเวลาจำกัดต้องดูว่าทำทันหรือไม่ ซึ่งมองว่าเป็นไปได้ยาก

อย่างไรก็ตาม ภราดร อภิปรายโต้แย้งว่า การประกาศเดินหน้าก่อนนั้น เป็นเพราะมีดีลลับตามคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่มาหรือไม่ มองว่า เหตุผลของการถอยเป็นเหตุผลทางการเมือง ที่บอกว่า ครม. เปลี่ยน แต่ขณะนี้ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงคลังไม่เปลี่ยนแปลง แต่อาจมีเปลี่ยนเฉพาะรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย 8 คน และไม่มี 69 เสียงของภูมิใจไทยอยู่ฝั่งรัฐบาล ที่บอกว่า หากมีเวลาเหมาะสมจะกลับมา หมายถึงว่า ได้เสียงจากการดีลงูเห่าเรียบร้อย เสียงเพียงพอที่จะผ่านร่างกฎหมายใช่หรือไม่

“ก่อนลงมติ ขออย่าบิดเบือนเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่ให้ยอมถอน ทั้งที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโน ผมยืนยันจุดยืนเดิมคือไม่เห็นด้วย และไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน แต่ที่ต้องการให้พิจารณาต่อ เพื่อแสดงจุดยืนให้เห็นว่าการถอนออกไปนั้นไม่เท่ากับการยกเลิก และไม่อยากเห็นนโยบายเรื่องดังกล่าวเข้าสู่สภาต่อไป ดังนั้นจำเป็นต้องเดินหน้าพิจารณาลงมติไม่เห็นด้วย เพื่อถอนรากถอนโคนกฎหมายดังกล่าว”
— ภราดร กล่าว
ภราดร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประเทศมหาอำนาจมีความพยายามแซงชั่นนโยบายกาสิโนของรัฐบาล และพรรคภูมิใจไม่ต้องการเห็นนโยบายดังกล่าวเดินหน้า หากจะให้เห็นด้วยกับการถอนร่างกฎหมาย รัฐบาลต้องยืนยันกับประชาชนว่า ในสภาชุดที่ 26 จะไม่พิจารณาร่างกฎหมายที่พ่วงกาสิโนได้ จะไม่ติดใจ หากมีการเลือกตั้งขอให้รัฐบาลนำนโยบายนี้หากเสียง หากชนะเลือกตั้งค่อยกลับมาเสนอ

ทำให้ จุลพันธ์ ชี้แจงว่า ไม่มีดีลลับต่อการทำเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่วนกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯโดนเแอบอัดเทป ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับประเทศ ส่วนดีลกินข้าว ไม่รู้คุยอะไร ทั้งนี้ แม้ว่ารัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงการคลังจะไม่ถูกเปลี่ยนตัว แต่เมื่อกระทรวงอื่นเปลี่ยนรัฐมนตรีที่ดูแล จึงมีสิทธิทบทวนกฎหมายได้เป็นปกติ

“ที่บอกว่าจะเสนอมาอีกหรือไม่ ผมตอบไม่ได้ ท่านเคยเป็นรองประธานสภาฯ ต้องมีความรู้เพียงพอ เพราะที่ตอบไม่ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของครม. แต่ที่บอกว่าให้เดินหน้าโหวตตก ท่านก็ทราบว่าเมื่อกฎหมายตกในสมัยนี้ สมัยหน้ายื่นได้อีก ไม่ใช่ว่าตีตกแล้วจะพิจารณาไม่ได้ตลอดชาติ ทั้งนี้ที่มีการกล่าวอ้างเมื่อคืน และอนุทิน ชาญวีรกูล ได้โพสต์เรื่องการพูดคุยกับผู้นำระหว่างประเทศ ต้องทราบโดยมารยาทว่า ไม่สามารถนำออกมาจากที่ลับสู่ที่แจ้งได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ครม.บริหารประเทศโดยยึดประเทศ ไม่ได้พิจารณาจากปัจจัยภายนอกแน่นอน”
— จุลพันธ์ ชี้แจง
รมช.คลัง ชี้แจงด้วยว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเสนอสู่สภาฯ หลายเดือน วันที่เข้ามา แม้องค์ประกอบ ครม. แตกต่าง เพราะมีบางพรรคถอนตัว บางพรรคยังอยู่ในรัฐบาล แต่วันที่นำเสนอ พรรคท่านร่วมนำเสนอและโดยผู้บริหาร
“หากบอกว่าไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น แต่การนำเสนอต่อสื่อ ยังบอกว่า เห็นดีเห็นงาม วันนี้เปลี่ยนรัฐบาล การตัดสินใจเปลี่ยนความคิดได้ ผมยอมรับ เพราะต้องเปลี่ยนตามกาลเวลา แต่วันนั้นบอกสนับสนุนเพื่ออยู่ในตำแหน่งรัฐบาล แม้ไม่เห็นด้วย แต่ยกมือให้ใช่หรือไม่ ทำไมวันที่ไม่เห็นด้วย ไม่ถอนตัวออกไปตั้งแต่วันนั้น ดังนั้นวันนี้ลองถอยมาก้าวหนึ่ง เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร”
— รมช.คลัง

ขณะที่ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ใช้สิทธิพาดพิง เพื่อชี้แจงประเด็นรวมรับประทานอาหารกับ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่า ไม่ใช่ดีลร่วมรัฐบาลไม่มีพฤติกรรมตระบัดสัตย์ พึ่งทราบว่า การกินข้าว เขย่ารัฐบาลให้สะเทือน แสดงถึงความเปราะบางของรัฐบาลได้อย่างไร
“ผมไม่เคยนึกว่า ต้องนำประเด็นนี้ ดิสเครดิตกัน สิ่งที่ต้องการรู้ คือจะเอากฎหมายฉบับดังกล่าวกลับเข้ามาหรือไม่ตอบให้เคลียร์และชัด ไม่ใช่ว่าเสียงไม่พอ มีปัญหาองค์ประชุม ขอกลับไปตั้งหลักให้เข้มแข็ง และเสนอใหม่ ปัญหาและเหตุผลที่ไล่เรียงมานั้นฟังไม่ขึ้น”
— รังสิมันต์ กล่าว

ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการโต้เถียงกันในประเด็นดีลการเมือง ณัฐพงษ์ ได้เสนอญัตติไม่เห็นด้วยกับการใช้ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อที่ 88 กรณีที่ไม่มีผู้คัดค้านญัตติใดให้ถือว่าเป็นมติของที่ประชุม และเสนอให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และรมว.วัฒนธรรม ได้ชี้แจงเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับร่างกฎหมายด้วย

ทั้งนี้ ที่ประชุมสภาฯ เปิดโอกาสให้สมาชิกได้ลุกขึ้นอภิปรายอย่างเต็มที่ก่อนเปิดให้ลงมติ

แต่ในที่สุด ที่ประชุมสภาฯ ได้มีมติยินยอมให้ถอนร่าง พ.ร.บ.พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ... (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ออกไปตามที่ ครม.มีมติให้ถอน ด้วยคะแนน 253 ต่อ 67 เสียง