‘ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของฝ่ายค้านในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า เราได้มีการพูดคุยกันและแบ่งเวลากันเรียบร้อยแล้ว โดยพรรคพลังประชารัฐได้ 3 ชั่วโมง พรรคไทยสร้างไทยและพรรคเป็นธรรม ได้ไปพรรคละครึ่งชั่วโมง โดยที่เหลือจะเป็นของพรรคประชาชน 16 ชั่วโมง ซึ่งในส่วนของพรรคประชาชนมีผู้ที่จะอภิปรายคร่าวๆ ประมาณ เกือบ 50 คน โดยที่แต่ละคนจะไม่อภิปรายซ้ำประเด็นกัน และในปีนี้เราพยายามที่จะละเอียดมากและให้มีความแตกต่างจากปีที่ผ่านมา ทั้งในชั้นของการอภิปรายและชั้นกรรมาธิการ
ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เนื่องจากตอนนี้ประเทศกำลังประสบปัญหากับวิกฤตเศรษกิจทุกคนน่าจะทราบและรู้กันดีว่าเศรษฐกิจขณะนี้แย่ ดังนั้น การใช้งบประมาณของรัฐบาลถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ เราจึงมีการจัดผู้อภิปรายจำนวนมากเพื่อให้ลงรายละเอียดครบทุกกระทรวงครบทุกประเด็นว่ามีงบประมาณอะไรที่รัฐบาลตั้งมาแล้วเราเห็นว่าไม่จำเป็นในปัจจุบัน ทั้งนี้ การทำงานในชั้นกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ เราได้มีการกำชับเรียบร้อยว่าคนที่เข้าไปทำหน้าที่ต้องทำงานอย่างละเอียดมากๆ และต้องจดทุกไอเทมที่มองว่าไม่มีประโยชน์และพยายามตัดให้ได้เพื่อนำมาใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้
“สิ่งที่อยากให้ประชาชนจับตา ในตอนนี้นอกจากการอภิปรายในวาระ 1 ในชั้นกรรมาธิการที่จะใช้เวลาในการพิจารณาอีก 3 เดือนในช่วงท้ายงบทั้งหมดที่เราตัดได้ สุดท้ายจะถูกแปรโดยกรรมาธิการ ฉะนั้น จึงขอให้ช่วยกันจับตาดูเพราะต่อให้เราตัดได้มากเท่าไหร่ และรายการที่ถูกแปรไปก็เป็นโครงการที่ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี เช่น งบดิจิทัลวอลเล็ตที่ถูกทบทวนและบอกว่าจะนำไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เราก็พบว่ามีคำสั่งที่ให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เสนอโครงการเข้าไปแต่ให้เวลา 3 วัน แต่สุดท้ายแล้วงบก้อนมโหฬารที่บอกว่าจะนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เราก็มองไม่ออกว่าเราจะได้โครงการหน้าตาประมาณไหน และจะกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจประเทศได้หรือไม่ ยืนยันว่าพรรคประชาชนจะทำงานอย่างละเอียดมากๆเพื่อช่วยรัฐบาลในการหางบไปกระตุ้นเศรษกิจ แต่เราจะช่วยหางบอย่างเดียวไม่พอรัฐบาลต้องใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุดด้วย“
— ปกรณ์วุฒิ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข้อสังเกตว่าการตั้งงบประมาณเช่นนี้อาจจะเปิดช่องให้มีเงินทอนหรือไม่ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า อาจจะตั้งข้อสังเกตได้ว่าบางครั้งคนที่ได้ประโยชน์อาจจะเป็นคนที่รู้ก่อน ว่าจะเสนอโครงการอะไรมา หรือมีเจ้าภาพอยู่แล้วหรือไม่ จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นช่องทางในการกอบโกยผลประโยชน์ หรือเงินทอนที่มหาศาลจากเงินก้อนนี้
เมื่อถามว่าสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ว่าผู้อภิปรายในส่วนของพรรคประชาชนมีใครบ้าง ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ในภาพรวม จะมี ‘ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ’ หัวหน้าพรรคประชาชน ‘ศิริกัญญา ตันสกุล’ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ซึ่งเราจะมีไฮไลต์ให้กับผู้ที่สนใจติดตามในแต่ละประเด็น อาทิ ด้านการเกษตร ด้านการศึกษาการบริหารจัดการน้ำ แต่คงไม่ได้มีไฮไลท์เป็นพิเศษ แต่จะเน้นไปที่การตัดงบที่ไม่จำเป็นเพื่อนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงโจทย์ของประเทศ
ในส่วนที่มีผู้อภิปรายคนไหนที่น่าสนใจบ้าง ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า “ว้าวทุกคน” เมื่อถามว่า ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.ในการอภิปรายครั้งนี้เหมือนเปิดโอกาสให้สส.หน้าใหม่มีส่วนร่วมมากขึ้น ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตอนนี้คงไม่ได้แบ่งเป็น สส. หน้าใหม่หรือหน้าเก่า เพราะทุกคนเป็น สส. มาแล้วสองปี ทำงานละเอียดมีประสบการณ์เยอะ บางคนแม้ไม่ได้อภิปรายแต่ก็เคยทำงานในกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการพิจารณางบประมาณมาแล้ว ทั้งนี้ เชื่อว่าในการอภิปรายคงไม่มีการประท้วงกันเยอะ และหวังว่ารัฐบาลคงไม่จ้องจะประท้วงกันให้เสียเวลา
นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ฝ่ายค้านเราจะมีการพูดคุยกันในวันที่ 27 พ.ค. เช่นเดียวกับที่พรรคประชาชนจะมีการประชุมสส.กันโดยจะมีมติหลังการประชุม ซึ่งหากเห็นว่ารัฐบาลจัดงบมาไม่ตอบโจทย์จริงๆ และไม่สามารถเห็นชอบได้จริงๆ เราก็จะไม่เห็นชอบ
เมื่อถามว่ารอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลระหว่าง 'พรรคเพื่อไทย' กับ 'พรรคภูมิใจไทย' ได้มีการมากระซิบบอกฝ่ายค้าน ให้เตรียมอภิปรายในประเด็นใดหรือไม่ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ส่วนตัวตนยังไม่มี แต่สส. คนอื่น ก็ยังไม่ทราบ และไม่ได้มองว่าเป็นผลดี หรือผลเสียในการผ่านงบประมาณที่จะนำไปใช้ในการบริหาร แต่มองที่ผลดีหรือผลเสียต่อประเทศมากกว่าว่าสุดท้ายแล้วนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำลังตัดสินใจอยู่บนผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน หรืออยู่บนอำนาจต่อรองที่กำลังคานกันระหว่างสองพรรคใหญ่มากกว่า
ส่วนจะมองอย่างไร หากมีการประเมินว่าจะมีความขัดแย้งจนทำให้มีการต้องยุบสภาหลังงบฯ 69 โหวตผ่าน ส่วนตัวตนคิดว่าคงไม่มีรัฐบาลไหนอยากยุบสภาก่อนหมดวาระ ถ้าไม่จำเป็น แต่พรรคประชาชนพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง หากความขัดแย้งรุนแรงจนรัฐบาลไม่สามารถตัดสินใจบนประโยชน์สูงสุดของประชาชนได้
"เราประเมินว่าอาจมีอุบัติเหตุทางการเมืองได้ตลอดเวลา เราจึงเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งเสมอ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และยืนยันว่ามีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไว้อยู่แล้วนั่นคือหัวหน้า ส่วนจะมีแค่ 1 คนหรือไม่ เป็นรายละเอียดที่ยังไม่ได้พูดคุยกัน"
— ปกรณ์วุฒิ กล่าวทิ้งท้าย