ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี ‘พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน’ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 2 โดย ‘ภัณฑิล น่วมเจิม’ สส.กทม. พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายถึงพิเชษฐ์ว่า "ไม่ต้องโกรธกันครับท่านประธาน ผมก็อภิปราย เพื่อประโยชน์ของพวกเราและพี่น้องประชาชน และหากท่านจะชี้แจงอย่างไร ขอให้เป็นตอนจบทีเดียว ฟัง ใจร่มๆ"
ภัณฑิล กล่าวเน้นไปที่งบของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ว่า ในฐานะผู้แทนราษฎร หน้าที่หลักคือ การตรวจสอบ ควบคุมการใช้เงิน ซึ่งต้องพิจารณาว่าเงินเหล่านั้น จะถูกใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม และคุ้มค่ากับที่ประชาชนทุกคนต้องทำงานหนักเพื่อจ่ายภาษีหรือไม่
"เราสามารถไปตัดงบหน่วยงานอื่นได้ทั่วประเทศ แต่หน่วยงานที่เราสังกัดอยู่เอง จะใช้ภาษีอย่างฟุ่มเฟือย ไม่คุ้มค่าแล้วเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ประชาชนและข้าราชการในหน่วยงานอื่น เขารับไม่ได้"
พร้อมยกตัวอย่าง อาทิ การใช้ประโยชน์พื้นที่สภาที่ไม่คุ้มค่ากับงบลงทุน โดยเฉพาะการปรับปรุงอาคารรัฐสภา ในส่วนการเปิดยื่นข้อเสนอ 10 วัน สำหรับการออกแบบอาคาร และพื้นที่จอดรถใต้ดิน ว่าทำไม เราจึงไม่คิดหาทางเลือกอื่น เนื่องจากยังมีทางเลือกที่ถูกกว่า คือการสร้างอาคารในพื้นที่ค่ายทหาร ที่อยู่บริเวณติดกันที่ยังใช้ประโยชน์จากพื้นที่ไม่เต็มศักยภาพ ซึ่งใช้เก็บรถถัง ปืนใหญ่ จริง ๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าการนำมาเก็บตรงนี้ จะเอาไปออกรบกับใคร และแม้จะมีการประกาศผู้ชนะการออกแบบไปแล้ว ก็มีคนมาคัดค้านว่า มีการเร่งรัดผิดปกติ ซึ่งคาดว่าเป็นคู่แข่งที่เข้ามาร้องกันเอง เนื่องจากกลุ่มกิจการร่วมค้าที่ชนะการประกวดนั้น เคยมีประวัติรับงานแล้วโดนยกเลิกสัญญาเพราะส่งมอบสัญญาณไม่สำเร็จ
ภัณฑิล กล่าวว่า การพยายามใช้เงินเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และคนทำเอง ก็ยังย่ามใจพยายามดันให้สุดซอย ทั้งยังมีความพยายามสร้างอะไรประหลาดพิสดาร อย่างโครงการคลังแสงอาวุธยุทธภัณฑ์ และการบริหารจัดการด้านอาวุธของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภา ที่อยู่บริเวณใต้ห้องประชุมสุริยัน จะนำมาทำเป็นคลังอาวุธ
"มีไปทำไมคลังแสงอาวุธ จะไปสู้รัฐประหารหรือ ท่านมาสู้อะไรตอนนี้ ท่านก็ไปแก้รัฐธรรมนูญเอา ถ้ามีคนทำรัฐประหาร หรือจะเอามาปราบพวกเรากันเอง อยู่ข้างใต้พวกเรา ขึ้นลิฟต์มาชั้นเดียว น่ากลัวจริงๆ"
— ภัณฑิล กล่าว
ภัณฑิล ยังกล่าวถึงงบฯ อบรมสัมมนาอีกว่า เงินในส่วนนี้มีการใช้แบบไม่บันยะบันยัง ในแผนยุทธฯ พัฒนาและเสริมสร้างการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น 6 เท่า ในระยะเวลา 3 ปี พร้อมย้ำถึงข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ระบุว่า ห้ามกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้ สส. มีส่วนไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่าย ก่อนย้ำว่า "คุกนะครับ" พร้อมอธิบายว่า การของบในส่วนนี้เป็นไป เพื่อการนำไปแจก เป็นเงินทุน เงินบริจาค เงินสนับสนุนให้กับประชาชนโดยตรง ซึ่งมีลายเซนต์ของผู้บริหารสภากำกับไว้เรียบร้อย ขนาดข้าราชการเองยังลำบากใจเลย มาบอกกับตนว่า ผู้บริหารสภาชงแจกเงิน เพราะมันทำไม่ได้ แต่คนจะเอาก็จะเอาให้ได้กดดันข้าราชการจนมีคำแนะนำว่า ถ้าจะทำให้ได้ก็ต้องจัดเป็นการอบรมสัมมนา จึงมีการแก้เอกสารในโครงการนี้ ซึ่งภายหลังเมื่อโดนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตัดงบประมาณในส่วนนี้ออกไป ก็ไม่พอใจ ก็ยังมีการขอแปรเพิ่ม ได้มาครึ่งนึงของจำนวนเงินที่ขอไป
เมื่อได้งบมาแล้ว ก็ตั้งคณะกรรมการมาดูแลโครงการโดยตั้งตัวเอง ชื่อย่อ 'พ.' และเพื่อน สส.พรรคเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน มานั่งติดกัน และในจังหวัดเชียงราย ก็มีโครงการของสภา ที่มีงบประมาณ ในทุกตำบล หมู่บ้าน โดยในเอกสารเหล่านั้น ก็ยังเหมือนกันทุกตัวอักษร
นอกจากนั้น ยังมีการให้จัดตั้งกองเกียรติยศเจ้าหน้าที่ตำรวจสภา เพื่อใช้ในงานพิธีต่างๆ อย่างเท่ จะจัดสวนสนาม หรือทำอะไรกัน ทำไมต้องมีการลงไปซ้อม แล้วเงินมาจากไหน นำมาจากโครงการที่ไปล้วงกระเป๋าเยาวชนมาหรือไม่ เพราะรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรก็ใช้ไม่หมด และในอนาคต ก็ได้ยินมาว่า จะมีแผนโยกงบในส่วนนี้ไปใช้ในโครงการก่อสร้างอีก ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายชัดเจน การส่อทุจริตเช่นนี้ ต้องรีบจัดการ เพราะสภาควรเป็นแบบอย่างในการบริหารงบประมาณแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้แนวคิดจากฐานศูนย์ที่จำเป็นเท่านั้น อย่าไปยึดติดกับอดีต ใครตั้งมาอย่างไร ก็บวกเพิ่มขึ้นไป
"ถ้าสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ ยังมีมโนสำนึก ความละอายต่อประชาชนที่เขาเลือกท่านผู้ทรงเกียรติเข้ามาทั้งหลาย เราควรสำรวจตัวเอง ติดตามประเมินการใช้งบประมาณในทุกรายการอย่างเข้มงวด ทำให้เป็นตัวอย่าง เข้าใจครับ เราไม่อยากมาเผาบ้านตัวเอง กวาดบ้านตัวเองให้สะอาด ก่อนไปตรวจสอบหน่วยงานอื่น ช่วยกันจับทุจริต ประหยัดงบสภาหาเงินช่วยรัฐบาลเขา อย่าคิดว่าไม่ได้เป็นรัฐมนตรี จะอยู่เหนือการตรวจสอบ ไม่มีใครสามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจเพราะหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดนี้ สามารถพาท่านไปทานข้าวแถวสนามบินน้ำได้แน่นอน เพราะถูกรางวัลทุจริต เจอกันที่ป.ป.ช.ครับ"
— ภัณฑิล กล่าว
จากนั้น ‘พิเชษฐ์’ ชี้แจงว่า ตอนนี้ของบยังไม่ได้ เพราะแบบกำลังทำจะเสร็จแล้ว สำหรับที่จอดรถ สภาฯ ถูกยกเลิกไป 1 ชั้น จากธรรมดามีใต้ดิน 3 ชั้น เพราะเราถูกลดงบประมาณ ฉะนั้น ถ้าทำที่จอดรถที่บอกจบแล้ว ก็จะไม่มีที่ก่อสร้างใดๆ แล้วในสภาแห่งนี้ ส่วนพื้นที่ใช้สอยที่มีเยอะแยะมากมาย แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ปล่อยทิ้งร้างนั้น เมื่อมาถึงสมัยนี้กำลังคัดเลือกประธานสโมสร และร่างระเบียบสโมสร เพื่อไปทำกิจกรรมต่างๆ
“ส่วนของสภาที่ท่านพูด ถูกต้อง กว้างขวาง แต่ประโยชน์น้อย ท่านเดินไปตามกลุ่มงานต่างๆ นั่งหลังชนกัน เดินแทบจะไม่ได้ การออกแบบเขาก็ไม่ได้คิดว่า ใช้ประโยชน์อย่างไร ที่กว้างแต่ใช้สอยได้น้อย เจ้าหน้าที่ต้องแออัดกันอยู่ โต๊ะทำงานก็แคบๆ เหมือนกันหมด ฉะนั้น ถ้าเราขยับขยายได้ พื้นที่ที่เราพัฒนาก็จะจบไป”
— พิเชษฐ์ กล่าว
ส่วนเรื่องคลังแสง สภาฯ ใหม่ของเราวันนี้ตำรวจทุกคนไม่มีอาวุธ ถ้ามีผู้ก่อการร้าย และเอาอาวุธครบมือมา เราตายหมด ทั้งหมดนี้เมื่อเกิดเหตุเราจะไม่มีใครป้องกันตัวได้ และสภาทั่วโลกจะมีกองเกียรติยศคือตำรวจชุดที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ฉะนั้น ถ้าเราไม่ทำของเราให้พร้อม ตนคิดว่าก็ไม่มีโอกาสที่จะทำอีก ขณะที่เรื่องของประชาธิปไตย หลังจากที่เราถูกปฏิวัติรัฐประหาร ความเชื่อมโยงการติดต่อประชาชน เราขาดการติดต่อจากประชาชน ฉะนั้น การอบรม เยาวชนก็เป็นคุณค่าที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะลงสู่พื้นที่ และท่านสามารถไปตรวจสอบได้ว่า ทุกอย่างเพื่อให้นิติบัญญัติ ได้มีโอกาสเข้าถึงประชาชน
พิเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "ผมจะคุยกับท่าน ถ้ามีปัญหาจะเอาข้อมูลอะไร เราก็ยินดี และผมก็จะตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่บริหารสภาฯ"