‘พท.’ จวก ‘ม็อบ’ ปลุกชาตินิยม เรียกรถถัง - หวังล้มการเมืองไทย

29 มิ.ย. 2568 - 05:08

  • หน้าเดิมๆ ! ‘พร้อมพงศ์’ จวก ‘ม็อบรวมพลังแผ่นดิน’ ปลุกชาตินิยมเกินขอบเขต-ไม่มีประเด็นใหม่ ไล่รัฐบาล

  • ด้าน ‘จิรายุ’ ชี้แกนนำ ‘เรียกหารถถัง’ หวังล้มกระดานการเมืองไทย

‘พท.’ จวก ‘ม็อบ’ ปลุกชาตินิยม เรียกรถถัง - หวังล้มการเมืองไทย

‘พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์’ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า ประกอบไปด้วยกลุ่มคนหน้าเดิม ม็อบเสื้อเหลือง กลุ่มนักการเมือง สว.อกหัก กลุ่มต่อต้านระบอบ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยมีส่วนทำให้เกิดรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 และวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยมีประเด็นการปราศรัยเรียกร้องให้ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขับไล่รัฐบาล เอาประเด็นคลิปเสียงการสนทนาหาทางออกแก้ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนไทย - กัมพูชา อย่างสันติวิธีของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ กับ ‘สมเด็จฮุน เซน’ มาปลุกกระแสคลั่งชาติ พยายามจะชี้ให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีกับกองทัพเกิดความขัดแย้ง  

พร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผู้ปราศรัยบางคนปิดความต้องการไม่มิดเรียกร้องให้มีการยึดอำนาจ จ้องจะทำให้ประเทศถอยหลังเข้าคลองอย่างเดียว ไม่ยอมจำบทเรียนในอดีต ไม่ยอมปล่อยให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง คิดแต่จะเอาแนวทางที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยอย่างเดียว โดยมองว่า กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปลุกกระแสล้มรัฐบาล อ้างโน่นอ้างนี่ ทะเลาะกับกองทัพ อยากให้ย้อนไปดูในข้อเท็จจริงบ้าง หลังจากน.ส.แพทองธาร มีประเด็นกับสมเด็จฯ ฮุน เซน ไทยมีท่าทีอ่อนข้อให้ฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ มีแต่จะเข้มข้นขึ้น นายกฯ มอบหมายภารกิจอย่างชัดเจนให้กองทัพดูแลเรื่องดินแดน เขตแดน กำลังพล กำหนดยุทธวิธีทางทหาร เปิดปิดด่าน ยังไม่มีการปรับลดกำลังพล แผ่นดินไทยยังไม่ได้เสียไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียว รัฐบาลได้เพิ่มมาตรการความเข้มงวดการนำเข้าส่งออก พลังงาน ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต พืชผลการเกษตรบางชนิด เดินหน้าปราบปรามการค้ามนุษย์ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างจริงจัง และอีกหลายมาตรการที่กำลังจะออกมา 

“ผมไม่อยากจะพูดว่า พอคลิปเสียงสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่ออกมาวันที่ 27 มิถุนายน ไม่ได้เขย่าอะไร รัฐบาลแพทองธาร ไม่ได้ลากไส้นายทักษิณ อย่างที่กลุ่มม็อบคาดหวัง แถมสื่อกัมพูชารายงานเองว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน ไม่ได้มองไทยเป็นศัตรู พร้อมกับหวังว่าสัมพันธ์การทูต แนวทางสันติวิธีจะแก้ไขปัญหาได้ กลุ่มม็อบเลยต้องกลับมาฉายหนังซ้ำเรื่องเดิมๆ ขุดอดีตเขาพระวิหาร เรื่องศาลโลก เอ็มโอยูทางทะเล ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ขยายประเด็นเกินจริงไปมากเรื่องชาตินิยม คลั่งชาติ คอยแต่จะเสี้ยมกองทัพกับรัฐบาลจะให้แตกหัก ทะเลาะกันให้ได้ การบริหารงานล้มเหลว โจมตีนายทักษิณเพื่อจะให้กระทบน.ส.แพทองธาร ให้ได้ ต้องการที่จะไล่เช็กบิลรัฐบาล เอะอะก็ยุบสภาฯ ลาออก ไอ้โม่งอกหัก ได้ทีผสมโรง ร่วมปลุกม็อบขับไล่กับเขาไปด้วย สุดท้ายเพียงเพื่อต้องการอะไรที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยอย่างนั้นอีกใช่หรือไม่"

พร้อมพงศ์ กล่าว 

พร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า การชุมนุมเสนอแนะหาทางออกให้กับรัฐบาลอย่างสันติวิธีตามกฎหมายนั้น ทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงคือ ต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน การเลือกสถานที่ชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ การชุมนุมทั้งการ์ดผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะช่วยกันดูแล ไม่เกิดเหตุรุนแรง การสูญเสีย แต่อีกมุมหนึ่งได้ยินเสียงบ่น การชุมนุมทำให้การจราจรติดขัดไปหลายเส้นทาง ขณะเดียวกันยังส่งผลกระทบต่อญาติคนป่วย คนป่วยที่ต้องไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่อยู่ในอาณาบริเวณดังกล่าวพลอยได้ความเดือดร้อนตามไปด้วย  

การเรียกร้องของผู้ชุมนุมหรือความต้องการที่จะให้นายกรัฐมนตรีลาออกหรือให้ยุบสภา แม้แต่พรรคประชาชนก็ไม่เห็นด้วยกับท่าทีผู้ปราศรัยเรียกร้องให้เกิดรัฐประหาร ปลุกปั่นกระแสชาตินิยมเกินขอบเขต ปูทางให้เกิดรัฐประหาร ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ไม่เอาอีกแล้ว เพราะจากการรัฐประหารมา 2 รอบ ไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้จริง มีแต่จะเพิ่มความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้น และถ้านายกรัฐมนตรีลาออก หรือยุบสภายิ่งจะเกิดสุญญากาศการเมืองเกิดปัญหากับประเทศ กว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ต้องใช้เวลานานกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ยิ่งทำให้การแก้ปัญหาลำบาก เรากำลังจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยงบประมาณกว่า 1.5 แสนล้านบาท อาจจะต้องชะงักไป จากการลงพื้นที่ของตน พบว่าประชาชนอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รับมือผลกระทบจากปัญหาในตะวันออกกลาง อิหร่าน-อิสราเอล รวมทั้งเรื่องกำแพงภาษีจากสหรัฐ เรื่องราวจากรัสเซีย-ยูเครน ต้องอาศัยความร่วมมือ การทำหน้าที่ของรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม  

ส่วนข้อเรียกร้องจากฝั่งผู้ชุมนุม เรารับฟัง แต่สิ่งที่ไอ้โม่งเบื้องหลังต้องการ ไม่เพียงแค่จะทำให้รัฐบาลพัง แต่ประชาชนทั้งประเทศจะพังไปด้วย รัฐบาลและพรรค พท. ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จากปัญหาไทยกับกัมพูชา ไม่อยากเห็นคนไทยแตกความสามัคคี แบ่งสี เกิดความขัดแย้ง แบ่งข้างเหมือนที่เคยเป็นมา เรากำลังจะมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ มาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ขอโอกาสได้ทำงานก่อน ถ้าเห็นว่ารัฐมนตรีบริหารผิดพลาด สามารถใช้ช่องทางกฎหมายยื่นจัดการได้เลย  

"อีกแค่สองปีจะมีการเลือกตั้งรอให้ถึงเวลานั้นแล้วค่อยพิพากษาผ่านการเลือกตั้ง ถือเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหา โดยไม่ทำให้ประเทศต้องหยุดชะงักและเกิดสุญญากาศทางการเมือง"

พร้อมพงศ์ กล่าว 

ชี้แกนนำ 'ม็อบเสาวรีย์ฯ' เรียกหารถถัง หวังล้มกระดานการเมืองไทย ฉุดปท.กลับด้อยพัฒนา

ขณะที่ 'จิรายุ ห่วงทรัพย์' โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า การชุมนุมเมื่อวานที่ผ่านมา เป็นสิทธิในการแสดงออกตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ 

แต่ในส่วนของเนื้อหาการปลุกระดมและปราศรัยของแกนนำผู้ชุมนุมนั้น ในยุคที่ประเทศไทยผ่านร้อนผ่านหนาวมา 93 ปีของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข นั้น  เห็นเป็นทฤษฎีของประเทศไทยแล้วว่า  การปฏิวัติรัฐประหารไม่เคยเป็นคำตอบที่ ใช่ มาเลยแม้แต่ครั้งเดียว  แต่ละครั้งมีแต่จะฉุดรั้งให้ประเทศถอยหลังลงคลองมาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งเชื่อว่าหากมีการปกครองด้วยระบอบรัฐประหารอีก ไทยจากประเทศ กำลังพัฒนาคงจะถูกปรับไปเป็นประเทศด้อยพัฒนา ในภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน 

จิรายุ กล่าวอีกว่าแกนนำหลายคนที่ เรียกร้องหารถถังบนเวที เป็นสิ่งที่คนไทยและประเทศไทย ไม่อาจยอมรับได้ แกนนำหลายคน ในอดีตปากเคยบอกว่าขอต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหารจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเป็นอย่างไรจึงขอเรียกร้องให้คนไทยท้้งประเทศ ร่วมกันต่อต้านแนวทางดังกล่าว และรู้ทันบุคคลเหล่านี้ ที่แสวงหาอำนาจจากการปฏิวัติ ยึดอำนาจมาตลอด 20 ปี ที่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ต่างเจ็บปวด และเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้จากการเรียกร้องของคนกลุ่มเดิมๆ 

“รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชนนอกจากมีหน้าที่จะต้องปกป้องอธิปไตยของประเทศแล้วยังมีหน้าที่หลักสำคัญที่จะต้องปกป้องอำนาจอธิปไตยของประชาชนคนไทยทุกคน   เราจะรวมใจกันแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันว่าจะไม่ สนับสนุนการทำปฏิวัติ รัฐประหาร และจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศนี้ได้อีก”

จิรายุย้ำ 

จิรายุ มองว่าจากเนื้อหา การปราศรัยเห็นอย่างชัดเจนว่า แกนนำพร้อมที่จะดึงประเทศถอยหลังลงคลองโดยไม่สนใจประชาชนกว่า 70 ล้านคน จะเป็นจะตายหรือจะอยู่กันอย่างไร ท่ามกลางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศ  ในภูมิภาคและระดับโลกที่รุมเร้า 

อีกทั้งการปราศรัย ทำให้เห็นความเชื่อมโยงของแกนนำ ที่สอดรับกับ ผู้นำกัมพูชา ที่ยุยงปลุกปั่น และก้าวล่วง แทรกแซงคนไทยและประเทศไทยมาตลอด  ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ว่าจะสามารถยิงขีปนาวุธได้ถึงกรุงเทพมหานคร  การกล่าวว่ารัฐบาลปฏิวัติของไทยสามารถทำงานร่วมกัน กับตนเองได้โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายได้อย่างราบรื่น ซึ่งล้วนแล้วแต่ สอดรับกับคำปราศรัย และแนวทางที่กลุ่มแกนนำผู้ชุมนุมมีความประสงค์จะโค่นล้มรัฐบาลหรือให้มีการปฏิวัติรัฐประหารอันนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ และการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นอย่างชัดเจน 

"ทั้งนี้ รัฐบาลจะยืนหยัดในการธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  และขอเรียกร้องให้องค์กรต่าง ๆ ที่ร่วมกันต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหารได้จับมือประสานกันรณรงค์เพื่อต่อต้านกลุ่มบุคคล ที่เรียกร้องให้ทำการปฏิวัติรัฐประหารเพื่อไม่ให้ประเทศไทยบอบช้ำไปมากกว่านี้"

จิรายุกล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์