‘ดนุพร ปุณณกันต์’ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสส.พรรค ในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ ว่า เป็นการประชุมปกติที่พรรคจะมีการประชุมเดือนละ 1 ครั้งในช่วงเวลาที่มีการปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยจะเป็นการนำปัญหาของประชาชนมาพูดคุยกันในพรรคไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องพืชผลการเกษตร น้ำท่วม น้ำแล้ง รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่สส.ไปเจอในพื้นที่เพื่อรวบรวมปัญหาส่งให้รัฐมนตรีกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ที่พรรคสามารถประสานได้เพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนต่อไป
เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยหรือกำชับสส.ในพรรคอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากช่วงนี้มี สส.ของพรรคออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะไล่ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกไปเป็นฝ่ายค้าน ดนุพร กล่าวว่า เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องมีการพูดคุยแน่นอน ซึ่งทราบว่าเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ‘วิสุทธิ์ ไชยณรุณ’ สส.บัญชีรายชื่อและประธานสส.พรรค ก็ออกมาปรามแล้ว ทั้งนี้ในฐานะโฆษกพรรคก็ได้เช็กมาในหลายทางแล้ว ขอเรียนว่าเป็นความเห็นของสส.แต่ละคน พรรคไม่ได้มีการสั่งให้ใครออกไปไล่ใครออกไปเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งสส.แต่ละคนอาจไปรับความรู้สึกของประชาชนหรือแฟนคลับพรรคมา จึงอาจทำให้มีอารมณ์ได้
ดนุพร กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกันว่าการร่วมรัฐบาล มารยาทในการร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่ง ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้บริหารพรรคทุกคนคำนึงถึงเรื่องนี้มาก ฉะนั้น คงจะต้องมีการปรามสส.ของเราเองว่าการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่พรรคใดจะร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ควรต้องระมัดระวังมากขึ้น ไม่ควรให้มีภาพการแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับสส.ในพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นบ้างหรือไม่ ดนุพร กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ จึงยังไม่ได้มีการพูดคุยหรือถามฟีดแบ็กกับสส.พรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น เพราะหากเปิดสมัยประชุมสภาฯ วันที่ไปประชุมเราก็จะมีโอกาสได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น และสามารถสอบถามข้อเท็จจริงกันได้
ส่วนหลังจากมีสส.ของพรรคออกมาพูดในลักษณะดังกล่าว มองว่าจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ ดนุพร กล่าวว่า หากถามว่ากังวลหรือไม่ ก็กังวล แต่เมื่อมีความกังวลเราก็ต้องไปสอบถามว่าที่สส.แต่ละคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์นั้น ไม่ใช่คำสั่งของคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคคนใด ยืนยัน กก.บห.พรรคว่าไม่ได้สั่งให้ใครออกไปไล่คนอื่นเด็ดขาด
พร้อมยอมรับว่ากังวลหากพรรคภูมิใจไทย ตัดสินใจไม่ร่วมรัฐบาล เสียงจะหายไป 70 กว่าเสียง มีผลมากในการประชุมสภาฯ เราก็ต้องมีการจัดทัพกันใหม่ ซึ่งอาจจะเหนื่อยหน่อย อีกทั้งยังมีมีรัฐมนตรีหลายคนที่เป็นสส.อยู่ด้วย ในการโหวตทุกสัปดาห์สส.ที่เป็นรัฐมนตรีก็ต้องกลับเข้ามาในสภาฯ เพื่อที่จะทำหน้าที่สส. ฉะนั้น หนึ่งเสียงของทุกคนมีค่ามาก
“เป็นกังวลแน่นอน แต่ในมุมของพรรคเอง วันนี้เรายังเชื่อมั่นว่านายกฯ จะสามารถประสานรอยร้าวต่างๆ ในพรรคร่วมรัฐบาลได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่านายกฯ จะนำปัญหานี้ไปพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกคน เชื่อเรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น“
จ่อเรียก ‘กต.’ มาคุย ปมสื่อสารช้า
พร้อมกันนี้ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ว่า เป็นห่วงเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชามากกว่าเรื่องเสียงรัฐบาล การเมืองระหว่างประเทศที่มีข้อพิพาทกันเป็นเรื่องที่น่ากังวลกว่าการเมืองภายในประเทศ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อประเทศชาติ ชายแดน และเศรษฐกิจ รวมถึงอีกหลายมุม ซึ่งขณะนี้พรรค พท.กำลังประสานกับกระทรวงการต่างประเทศว่ามีใครสามารถที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนเพื่อพูดคุยกันในการประชุมพรรค พท.วันที่ 17 มิถุนายนนี้ได้บ้างหรือไม่ เพื่อให้ข้อเท็จจริงกับทางสส.ไปสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่
ดนุพร กล่าวต่อว่า หลายคนมีข้อกังวลเรื่องศาลโลก ซึ่งในวันนี้เฟกนิวส์เยอะทั้งในแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่รู้ความจริงครึ่งเดียวแล้วออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ผิดเยอะมาก ทำให้ผู้รับสารมานั้นรับสารมาไม่ครบ เขาจึงเกิดความวิตกกังวลและมีการวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ผิด
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าทางฝั่งไทยมีการสื่อสารล่าช้ากว่าทางกัมพูชา ดนุพร กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชาสื่อสารโดยผู้นำ และอดีตผู้นำ ซึ่งระบบการเมืองประเทศเขากับเราไม่เหมือนกัน การที่ผู้นำประเทศเขาสื่อสารนั้นสามารถทำได้ แต่ประเทศเราทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะจะกระทบกับหลายฝ่าย รวมถึงต้องคำนึงถึงชายแดน เศรษฐกิจหรือประเทศในกลุ่มอาเซียน และประเทศไทยคำนึงถึงมารยาททางการเมืองหรือทางการทูตสูง
“ต้องยอมรับว่าเราช้าจริง แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเรียนรู้และนำไปปรับปรุงว่าให้สื่อสารเร็วกว่านี้ แต่การสื่อสารที่เป็นข้อมูลผิดก็เป็นเรื่องที่อันตราย เชื่อว่าการที่กระทรวงการต่างประเทศเลือกที่จะสื่อสารช้านั้น อาจจะเป็นการเช็กข้อมูลให้รอบด้านแต่อย่างไรก็ต้องมีการปรับปรุงต่อไป”
— ดนุพร กล่าว