‘พิชิต’ ยันม็อบไม่หนุน ‘รัฐประหาร’ เย้ยนักการเมืองกลัวธงชาติไทย

29 มิ.ย. 2568 - 08:23

  • ‘แกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ’ ปฏิเสธไม่เคยเรียกร้องให้เกิด ‘รัฐประหาร’ ย้ำจุดยืนแค่ต้องการให้นายกฯ รับผิดชอบ-พรรคร่วมถอนตัวจากรัฐบาล

  • ซัดพรรคการเมือง ‘กลัวธงชาติไทย’ แทนที่จะตรวจสอบรัฐบาล กลับตรวจสอบประชาชน

  • เตรียมยกระดับเคลื่อนไหวหลัง 1 ก.ค. พร้อมสู้ทุกคดี หากถูกแจ้งความจากคำปราศรัยบนเวที

‘พิชิต’ ยันม็อบไม่หนุน ‘รัฐประหาร’ เย้ยนักการเมืองกลัวธงชาติไทย

'พิชิต ไชยมงคล' แกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ ได้แถลงข่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ การปราศรัยของมวลชนที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (วานนี้) ถึงประเด็นการเปิดทางให้มีการทำ 'รัฐประหาร' รัฐบาล 'แพทองธาร ชินวัตร' ว่า ภาพรวมความเคลื่อนไหวของเมื่อวาน มีผู้ชุมนุมเข้ามาเป็นจำนวนมาก และถือว่าเป็นการชุมนุมที่ผ่านไปด้วยดี ในการแสดงพลังและจุดยืนในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ แม้ในช่วงระหว่างการปราศรัยจะมีฝนตกลงมา แต่ทุกคนก็ยังยืนหยัดร่วมชุมนุมกันต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของพี่น้องประชาชน ตอบข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ซึ่งหลังจากนี้จะมีความเข้มข้นขึ้น โดยจะทำกิจกรรมและติดตามข้อเรียกร้อง ซึ่งการเฝ้าติดตามจะเข้มข้นขึ้นหลังจากวันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป  

"ส่วนประเด็นที่เป็นกระแสว่ามีแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ได้เรียกร้องการรัฐประหาร ขอยืนยันด้วยความแปลกใจ จากท่าทีของพรรคค้านและฝ่ายรัฐบาล ออกมาประสานเสียงร่วมกัน มากล่าวหาพี่น้องประชาชนที่ออกมาชุมนุม ผมไม่รู้ว่าฝ่ายการเมืองกลัวธงชาติไทยของพี่น้องมากขนาดนี้" 

พิชิต กล่าวต่อว่า อันที่จริงพรรคประชาชนในฐานะพรรคฝ่ายค้านควรทำหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาล  แต่กลับเข้ามาตรวจสอบความเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชน ว่าเป็นผู้เรียกร้องให้เกิดการรัฐประหาร เบื้องต้นได้หารือกับแกนนำบางส่วน และขอยืนยันว่ากลุ่มรวมพลังแผ่นดินไท่เคยเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหารจากกองทัพ เพียงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบ เราเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวการร่วมรัฐบาล และเราสนับสนุนยืนเคียงข้างกองทัพ ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ  

"การเรียกร้องให้กองทัพปกป้องอธิปไตยของชาติไม่ใช่เป็นการเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหาร พรรคประชาชน - พรรคเพื่อไม่ต้องกลัวธงชาติไทยหรอกครับ และไม่ต้องกลัวเสียงของพี่น้องประชาชน นี่เป็นแค่ยกแรกเท่านั้น" 

แกนนำกลุ่มรวมแผ่นดิน กล่าวยืนยันว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่ได้มีแค่ผู้สูงอายุอย่างที่หลายฝ่ายโจมตีเท่านั้น แต่ยังมีทั้งคนรุ่นใหม่ คนทำงาน และวัยกลางคน ที่ออกมาร่วมแสดงพลังในครั้งนี้ด้วย ดังนั้นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจึงเป็นการแสดงถึงพลังความรักชาติที่เกิดจากทุกภาคส่วน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการระดมความเห็นและหารือกันมากขึ้น ในการกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหวใหญ่ ซึ่งจะไม่ใช่แค่การเรียกร้องให้ลาออกเท่านั้น แต่อาจขยายผลไปถึงการไล่รัฐบาลทั้งคณะ โดยพื้นที่ที่จะใช้ในการชุมนุมครั้งถัดไปคงไม่ใช่ที่เดิม แต่คงเป็นจุดที่ใกล้กับทำเนียบรัฐบาล 

ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้จะมีการลาออกแต่ก็มีหลายส่วนเชื่อว่ามวลชนจะไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากพักร่วมรัฐบาลณขณะนี้ พิชิต ตอบว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของรัฐบาลถัดไป แน่นอนว่าถึงจะมีการลาออก พรรคเพื่อไทยอาจจะให้ 'ชัยเกษม นิติศิริ' แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องดูเงื่อนไขของรัฐบาลว่าจะปกป้องอธิปไตยได้หรือไม่ หรือจะดำเนินนโยบายตามสิ่งที่ประชาชนคัดค้านหรือไม่ อาทิ นโยบายกาสิโน  

ส่วนกรณีที่ นายกรัฐมนตรีได้มีการทูลเกล้ารายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ไปแล้ว จะยิ่งทำให้การลาออกเป็นสิ่งที่ยาก พิชิต มองว่า ถึงแม้จะมีการทูลเกล้าแล้วแต่ก็ยังมีเวลาที่พรรคร่วมฯ ถอนตัวได้ ดังนั้นในสัปดาห์หน้า กลุ่มคณะรวมพลังแผ่นดิน จะเดินไปยื่นหนังสือกับพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อให้มีการถอนตัวอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เคยไปแล้วที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งยังไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด มีเพียงแต่กระแสข่าวความขัดแย้งภายในเท่านั้นที่เกิดกับรทสช. 

สำหรับความเคลื่อนไหววันที่ 1 ก.ค. 68 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติพิจารณารับ หรือไม่รับคำร้องถอดถอน 'นายกฯ' จากการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับ 'สมเด็จฮุรเซน' นั้น พิชิต ระบุว่า ต้องมีการประเมินความเคลื่อนไหวเป็นรายวัน โดยแกนนำจะร่วมประชุมหารือท่าทีกันอีกทีในวันนั้น  

เมื่อถามถึงความกังวล ภายหลังมีการกล่าวปราศรัยจนถูกตีความว่าต้องการรัฐประหาร และอาจมีผลต่อจำนวนมวลชนที่จะลดลงในการชุมนุมครั้งหน้านั้น พิชิต ยืนยันไม่ว่ากังวล เพราะในข้อเรียกร้องที่ส่งต่อถึงรัฐบาลไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหาร และทุกคนก็ชัดเจนในเชิงเป้าหมายอยู่แล้ว ส่วนกังวลหรือไม่หากรัฐบาล จะใช้คำปราศรัยของมวลชน (ที่ถูกกตีความว่าเรียกร้องรัฐประหาร) มาดำเนินคดีนั้น ไม่กังวลเช่นกัน เพราะข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อซึ่งเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของประชาชน เป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น  

ดังนั้นรัฐบาลอย่าได้กล่าวหาผู้ชุมนุมที่รักประเทศ ด้วยการบอกว่าเป็นแผ่นเสียงตกร่อง เรียกร้องรัฐประหารเลย แต่ถึงแม้จะมีการแจ้งข้อหาใดๆ แกนนำทุกคนก็พร้อมที่จะสู้คดีเช่นกัน 

"แกนนำของพวกเราไม่มีใครเคยกลัวคดี หลายท่านก็ผ่านคดีกันมาทั้งนั้น ทั้งกบฎ ทั้งก่อการร้ายในราชอาณาจักร คงไม่มีอะไรที่ใหญ่ไปกว่านี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่กลัวว่ารัฐบาลจะเอากฎหมายมาขู่เพื่อดำเนินคดีกับแกนนำ"

พิชิต กล่าว 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์