‘สหายใหญ่’ รมว.กลาโหม ครึ่งใบ
ชัดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว นับจาก ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เข้าไปตรวจเยี่ยม ‘มหาดไทย’ เมื่อ 23มิ.ย.68 หลัง ‘แพทองธาร ชินวัตร’นายกฯ ลงนาม ‘แบ่งกระทรวง’ ที่ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ อดีตรองนายกฯ เคยกำกับดูแลให้ ‘รองนายกฯ เพื่อไทย’ ดูแลแทน ทำให้ ‘ภูมิธรรม’ ได้คุม ‘มหาดไทย’ ไปแล้วครึ่งทางเป็น ‘รมว.มหาดไทย ครึ่งใบ’
ล่าสุด ‘ภูมิธรรม’ นำประชุม ‘สภากลาโหม’ ที่เรียกว่า ‘นัดส่งท้าย’ เพราะได้เรียก ‘ผบ.เหล่าทัพ’ แยกรายบุคคล เข้าพูดคุยกว่า 2 ชั่วโมง ภายหลังประชุม ‘สภากลาโหม’ ที่ บก.ทอ.ดอนเมือง เพื่อทำการ ‘ส่งมอบงาน-สรุปงาน’ ต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่ยัง ‘ค้างท่อ’ อยู่ นั่นคือ ‘โครงการเรือดำน้ำ’ จะนำเข้า ครม. เมื่อใด ซึ่งหากดูไทม์ไลน์ จะต้องรอ ครม.ชุดใหม่ เข้ามาพิจารณา ซึ่งชื่อ รมว.กลาโหม ก็จะไม่ใช่ ‘ภูมิธรรม’ แล้ว
หาก ‘กลาโหม’ จะเดินหน้าโครงการต่อ ต้องนำเข้า ครม. เพื่อพิจารณาแก้สัญญา 2 ส่วน คือ เปลี่ยนเครื่องยนต์ จากเครื่องยนต์ MTU 396 เยอรมัน เป็น CHD 620 จากจีน และขยายสัญญาไปอีก 1,217 วัน ซึ่งโครงการ ‘เรือดำน้ำ’ ต้องจับตาว่า ‘ภูมิธรรม’ จะทำจบทันในยุคตัวเอง ตามที่เคยให้สัญญาหรือไม่
รมว.กลาโหม อ้อมกอด ‘ทหาร’ อีกครั้ง
ในขณะนี้ ‘รมว.กลาโหม’ คนใหม่ จะกลับมาที่ ‘ทหาร’ อีกครั้ง หลังยุค ‘รบ.เพื่อไทย’ ครั้งนี้ สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ที่ ‘พลเรือน’ ที่ไม่ได้เป็น นายกฯ มานั่งเก้าอี้ ‘สนามไชย 1’ นั่นคือ ‘สุทิน คลังแสง’ และ ‘ภูมิธรรม’ ในยุค ‘รบ.เศรษฐา-รบ.แพทองธาร’ ซึ่งชื่อเต็งหนึ่ง รมว.กลาโหม คือ ‘บิ๊กเล็ก’พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ที่รอขึ้นมา 2 ปี ตั้งแต่ยุค ‘รบ.เศรษฐา’ ที่ในขณะนั้นเป็น ‘เลขานุการ รมว.กลาโหม’
สะท้อนว่า ‘ดีลข้ามขั้ว’ ยังคงดำเนินต่อไป ผ่านภาพ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ยังคงร่วมรัฐบาล และชื่อ พล.อ.ณัฐพล ได้เป็น รมว.กลาโหม ซึ่งเป็น ‘ดีลเดิม’ ตั้งแต่ตั้ง ‘รบ.เศรษฐา’ แต่สุดท้าย ‘เพื่อไทย’ ยังคงยึดเก้าอี้ รมว.กลาโหม ไว้ ในอีกแง่เพราะไม่ต้องการให้มี ‘ภาพทหาร’ มากเกินไป แต่ในอีกด้านก็มีกระแสว่าถูก ‘สส.เพื่อไทย’ สกัด โดยโยงว่า พล.อ.ณัฐพล เกี่ยวข้องกับเหตุสลายม็อบ นปช. ปี 53
ผ่านมาเกือบ 2 ปี พล.อ.ณัฐพล ได้ลุ้นเป็น ‘รมว.กลาโหม’ เพื่อรับสถานการณ์ชายแดน ‘ไทย-กัมพูชา’ เพราะเป็น ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.)เพื่อสานงานต่อในภาวะ ‘เปลี่ยนม้ากลางศึก’
‘บิ๊กเล็ก’ ตำนาน ‘ผบ.ทบ.เงา’
สำหรับ พล.อ.ณัฐพล เริ่มชีวิตราชการที่ ร.31 รอ. ก่อนมาเติบโตสาย ‘ยุทธการ ทบ.’ ที่เป็นสาย ‘วางแผน-บริหารจัดการ’ ต่างๆ ถือเป็น ‘กุนซือลายพราง’ เคียงข้าง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ. ก่อนและในยุค คสช. มาถึงช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ในการคิดแผนและคำสั่งต่างๆ
พล.อ.ณัฐพล เป็น รอง ผบ.ทบ. ถึง 2 ปี ในยุคที่ ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. ในฐานะเพื่อน ตท.20 ที่ทำงานเคียงข้างกัน จนทำให้ พล.อ.ณัฐพล ได้ชื่อว่าเป็น ‘ผบ.ทบ. เงา’
แต่การจะขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในยุคนั้น ต้องมาจาก ‘หน่วยรบ-เป็นทหารคอแดง’ สุดท้าย พล.อ.ณัฐพล ต้องขึ้นมาเป็น เลขาธิการ สมช. ก่อนเกษียณฯ จากนั้น ‘บิ๊กตู่’ ตั้ง พล.อ.ณัฐพล เป็นที่ปรึกษานายกฯ สู้กับสถานการณ์โควิดในยุคนั้น
ยอด ‘พีระมิดสิงห์’ ฝันที่เป็นจริง ‘สหายใหญ่’
ส่วน ‘ภูมิธรรม’ เรียกว่า ‘กราฟสูงสุด’ ในชีวิต ในการนั่ง ‘รองนายกฯ’ ที่เป็นทั้ง รมว.กลาโหม และจะมาเป็น รมว.มหาดไทย ตลอด 40-50 ปี แม้ ‘ภูมิธรรม’ จะไม่ได้เติบโตเส้นทาง ‘มหาดไทย’ เฉกเช่น ‘เพื่อนสิงห์ดำ’ คนอื่นๆ ดังนั้นหาก ‘ภูมิธรรม’ ได้เป็น รมว.มหาดไทย ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์ชีวิต’ สำหรับคนเรียน ‘รัฐศาสตร์’ ที่อยู่บนยอด ‘พีระมิดสิงห์’
‘ภูมิธรรม’ เป็น ‘สิงห์ดำ’ รุ่น 25 จบจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ย้อนไปยุค ‘เดือนตุลา’ 14 ตุลา 16 และ 6 ตุลา 19 สมัยเป็นนิสิต จุฬาฯ ‘ภูมิธรรม’ ได้เดินเข้าป่าจับอาวุธสู้ มีชื่อจัดตั้งว่า ‘สหายใหญ่’ ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ หรือเขตอีสานใต้ ภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)
‘ภูมิธรรม’ ต่อสู้ในขบวนการ พคท. จากพื้นที่อีสานใต้ไปถึง สปป.ลาว จนถึงปี 2522 ‘ภูมิธรรม’ ได้ออกจากป่าและ ขบวนการ พคท. ก่อนจะมีคำสั่ง 66/2523 ยุค ‘รบ.ป๋าเปรม’ ที่นิรโทษกรรมให้นักเคลื่อนไหว
ต่อมา ‘ภูมิธรรม’ ได้เข้าทำงานสาย ‘อาสาสมัคร-เอ็นจีโอ’ ก่อนที่ ‘ทักษิณ’ จะชวนมาตั้ง ‘พรรคไทยรักไทย’ ช่วงปี 2537-2541 ผ่านโมเดล ‘ทุน+แนวคิด’ ในการตั้งพรรค เรียกว่า ‘ภูมิธรรม’ เป็นสายตรง ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ มายาวนานเกือบ 30 ปี มีการเปรียว่าเป็น ‘พ่อบ้าน’ของ ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’
สำหรับ ‘ทักษิณ-ภูมิธรรม’ รู้จักกันมาตั้งแต่ยุคเดือนตุลา เพราะช่วง 14 ตุลา และ 6 ตุลา เมื่อศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) จะยื่นหนังสือประท้วงรัฐบาล ก็จะยื่นผ่าน ‘ปรีดา พัฒนาถาบุตร’ รมต.สำนักนายกฯ ‘รัฐบาลคึกฤทธิ์’ ซึ่งในขณะนั้น ‘ทักษิณ’ เป็นตำรวจติดตาม ‘ปรีดา’
ทั้งนี้ ‘มหาดไทย’ สำหรับ ‘ภูมิธรรม’ ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เพราะเคยเป็น ‘เลขานุการ รมว.มหาดไทย’ ยุค ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รบ.ทักษิณ เมื่อปี 2544 ซึ่ง ‘ภูมิธรรม’ ได้เปรยไว้ ตั้งแต่ 23มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะไปตรวจเยี่ยม
เรียกว่า ‘อ้วน’ รีเทิร์น ‘ถ้ำสิงห์’ อีกครั้ง
แต่การกลับมา ‘ถ้ำสิงห์’ ครั้งนี้ ของ ‘ภูมิธรรม’ จะมีการ ‘ล้างบาง’ หรือไม่ หลังมีการปล่อยข่าวว่า ‘ภูมิธรรม’ หมายหัว ‘บิ๊กมหาดไทย’ หลายคน ที่อยู่ในข่าย ‘สายสีน้ำเงิน’ เพราะในยุค ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ที่เป็น รมว.มหาดไทย ได้ชื่อว่า “สิงห์สีอะไรก็ได้ ขอให้หนูคุมได้ก็พอ” ด้วนเป็นยุคที่ผสม ‘สิงห์’ หลากสถาบัน จบจาก ‘คณะรัฐศาสตร์’ หลายแห่ง ขึ้นมาเติบโต
อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่า ‘นิติสงคราม’ ระหว่าง ‘ขั้วแดง VS ขั้วน้ำเงิน’ ยังคงดำเนินต่อไป จึงต้องจับตา ‘มหาดไทย’ ยุค ‘ภูมิธรรม’ จะวางบทบาทอย่างไร โดยเฉพาะกรณี ‘ที่ดินอัลไพน์’ จ.ปทุมธานี เพราะเกี่ยวข้องกับ ‘กรมที่ดิน’ ด้วยเกี่ยวโยงกับคนใน ‘ตระกูลชินวัตร’ หนึ่งในนั้นคือ ‘แพทองธาร’ ที่เคยปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ฯ ก่อนจะโอนหุ้นให้ ‘คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์’ มารดา 22,410,00 หุ้น มูลค่า 224.1 ล้านบาท เมื่อ 18 ส.ค. 2567
ดังนั้นก้าวย่าง ‘ภูมิธรรม’ ที่เป็นสายตรง ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ จะเข้ามา ‘ล้างบาง-จัดระเบียบ’ มท. อย่างไร? สุดท้ายแล้ว ‘พลังบ้านจันทร์ฯ’ ยังคงแรง แม้จะมีแรงต้านจาก ‘สส.อีสานเพื่อไทย’ บางส่วน ในการสกัด ‘ภูมิธรรม’ ขึ้นเป็น มท.1 และสกัด พล.อ.ณัฐพล ขึ้นเป็น รมว.กลาโหม ก็ตาม