ทุกคนก็มีหน้าที่ ‘ภูมิธรรม’ เผยไม่มีอะไร ‘กพช.’ ดื้อไปศาลโลก

11 มิ.ย. 2568 - 03:45

  • ‘ภูมิธรรม’ บอก ไม่เป็นอะไร หลังกัมพูชายังดื้อฟ้องศาลโลก

  • ชี้ สถานการณ์ชายแดนยังไม่ยกระดับ มอง เขาพระวิหารเป็นบทเรียน

  • ตอบ ‘สนธิ’ หลังจี้เปลี่ยนตัวหน.ทีมคุย เจบีซี บอก ไม่ใช่เรื่องใครไม่ชอบใคร

  • ย้ำ อำนาจปรับครม.อยู่ที่ ‘นายกฯ’ ชี้หลักการเสนอชื่อต้องยึดมติพรรค

  • โยน ‘รทสช.’ เคลียร์ภายในกันเอง

ทุกคนก็มีหน้าที่ ‘ภูมิธรรม’ เผยไม่มีอะไร ‘กพช.’ ดื้อไปศาลโลก

‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีไทยประกาศไม่รับเขตอำนาจศาลโลก แต่กัมพูชามีการตั้งคณะกรรมการนำเรื่องข้อพิพาทชายแดนไทยกัมพูชาขึ้นสู่ศาลโลก ว่า  ไม่เป็นอะไรต่างคนต่างทำหน้าที่ เขาจะไปฟ้องหรือไปทำอะไร ก็เป็นหน้าที่ของเราซึ่งเราไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลโลก ไม่เป็นอะไรก็ว่าไปตามกระบวนการ  

เมื่อถามว่า จะทำให้มีปัญหาคาใจอะไรกันหรือไม่ในการประชุมคณะกรรมาธิการ เขตแดน ร่วมไทย - กัมพูชา (เจบีซี) ในวันที่ 14 มิ.ย. เพราะเรื่องยังไม่จบ ภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่หรอก อะไรก็ตามมันยังไม่จบในทีเดียว ซึ่งต้องใช้เวลาคุยกัน เพราะแต่ละพื้นที่มันไม่เหมือนกัน อันนี้เราได้พูดคุยกันแล้วว่าเฉพาะกรณีขัดแย้งข้อพิพาทครั้งนี้ เราต้องการเคลียร์ในเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ต้องเคลียร์กันเป็นส่วนๆไป ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเป็นข้อตกลงร่วมกัน  

ส่วนท่าทีของกัมพูชาขณะนี้ทำให้ต้องคงมาตรการเรื่องกำหนดเวลาเปิดปิดตามชายแดน ไปอีกนานแค่ไหน นั้น เท่าที่ได้สั่งการไป ผู้บัญชาการทหารบก และแม่ทัพภาค 2  รับรู้แล้ว ซึ่งเราก็ต้องดำเนินการตามมาตรการและสภาพพื้นที่ แต่ละที่ ที่ขณะนี้เรายังไม่ได้ยกระดับมาตรการใดๆ ซึ่งความจริง เรายังไม่ได้ปิดด่าน แค่จำกัดเวลาและจำกัดคนเท่านั้น ส่วนจุดหนึ่งที่มีการเผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ เราก็มีการปรับกำลัง ส่วนพื้นที่อื่นๆ ยังไม่มีอะไร จากนั้นสถานการณ์ก็จะค่อยๆ ดีขึ้น เพราะเราให้ทหารทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน จัดกิจกรรมลาดตระเวนร่วมกัน คิดว่าบรรยากาศโดยรวมน่าจะดีขึ้น  

เมื่อถามว่า แม้ว่าเราจะประกาศไม่รับเขตอำนาจศาลโลก ฝ่ายความมั่นคงมีการประเมินหรือว่าจะมีผลกระทบด้านอื่น เหมือนกรณีเขาพระวิหาร หรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า เขาพระวิหารก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกัน ที่อาจจะเป็นบทเรียนบางส่วนได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว เราจะไม่พูดถึงตรงนั้น แต่เรื่องที่เราจะมีการเจรจาเรามีการเตรียมการ ทุกอย่างมีการเตรียมการไว้แล้ว แต่ไม่สามารถพูดได้  

เมื่อถามต่อว่า กลุ่มของ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีข้อเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะเจรจาในการประชุมเจบีซีในวันที่ 14 มิ.ย. เพราะเคยอยู่ในรายชื่อการเจรจากัมพูชาเมื่อหลายปีก่อน รัฐบาลจะรับไว้หรือพิจารณาอย่างไร ภูมิธรรม กล่าวว่า ผู้ที่อยู่กับปัญหา และผู้ที่อยู่ในพื้นที่ น่าจะรู้ดีที่สุดว่าสถานการณ์ ณ ตอนนี้เป็นอย่างไร แล้วใครจะเหมาะสม ก็ต้องให้ส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดพิจารณา รัฐบาลก็จะฟังข้อเท็จจริงและดูเหตุผล เวลานี้ไม่ใช่เรื่องใครชอบใครเหรือใครไม่ชอบใคร หรือใครอยากได้อะไร แต่เป็นเรื่องของประเทศชาติ และใครจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติได้ดีที่สุด  

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การฟ้องศาลโลกฝ่ายเดียว ผลของมันจะเป็นอย่างไร ภูมิธรรม ตอบว่า มันพูดยาก ซึ่งมีอยู่หลายเงื่อนไข ตามหลักการเงื่อนไข ถ้าฟ้องฝั่งเดียวก็ฟ้องไป คนไม่ยอมรับก็ไม่ได้เข้า แต่มันจะมีเงื่อนไขอื่นๆ เช่นเงื่อนไขทางกฎหมาย ไม่ขอพูดตรงนี้ ให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมายกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รายงาน  เมื่อถามอีกว่า ได้เตรียมรับมือเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ไว้แล้วหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า

"เตรียมสิครับ ประเทศวิกฤติอย่างนี้ไม่เตรียมได้อย่างไร " 

ย้ำ อำนาจปรับครม.อยู่ที่ 'นายกฯ' ชี้หลักการเสนอชื่อต้องยึดมติพรรค โยน 'รทสช.' เคลียร์ภายในกันเอง  

นอกจากนี้ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) 'แพทองธาร ชินวัตร' นายกรัฐมนตรีได้กระซิบบอกอะไรหรือไม่ ว่า ยังเป็นคำตอบเดิม ยังไม่ได้กระซิบอะไร ทุกอย่างอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าใครจะพูดอะไรรัฐมนตรีคนไหนจะพูดอย่างไรก็เป็นความเห็น แต่ทั้งหมดอยู่ที่อำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะดูเองว่าใครเป็นอย่างไร ควรจะทำอะไรแค่ไหนและจะเป็นอย่างไรต่อไปอยู่ที่นายกฯ และเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับนายกฯ  

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ดูเหมือนจะมีปัญหาภายในที่ชัดเจนจะเป็นอุปสรรคในการร่วมรัฐบาลหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้ต้องยึดถือข้อตกลงเดิม ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นอย่างไรต้องไปจัดการภายในของพรรคให้ชัดเจน เราคุยกันในฐานะที่เป็นพรรคจะเป็นอย่างไรต้องให้พรรครวมไทยสร้างชาติมีมติออกมา  

เมื่อถามว่า กรณี 21 สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติลงชื่อกดดันให้ปรับครม. โดยลากนายกรัฐมนตรีเข้าไปร่วมในการเคลียร์ปัญหา ภูมิธรรม กล่าวว่า ใครอยากลากอย่างไรก็ลากไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตัว สิ่งที่ออกมาเป็นความเห็น ถึงอย่างไรต้องไปจัดการกันเองในพรรค เมื่อถามย้ำว่า ปัญหาดังกล่าวจะทำให้บรรยากาศการทำงานของรัฐบาลแกว่งไปหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า ในครม. ไม่แกว่งและทำงานอย่างเต็มที่ แต่ที่แกว่งคือแกว่งอารมณ์ข้างนอก 

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่การประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เข้าประชุม ครม. แต่เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล ภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ทราบต้องไปถามพีระพันธุ์ว่าติดอะไรและมีเหตุผลอย่างไร เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ต ส่วนตัวก็ลาไปครึ่งชั่วโมง เข้าประชุมสาย มาทันช่วงที่นายกฯ สั่งการเสร็จ  

เมื่อถามว่า การที่สส.พรรครวมไทยสร้างชาติมีความเห็นแตกต่าง สุดท้ายหากมีเรื่องใดต้องยึดมติของพรรคเป็นหลักใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องที่จะต้องปรับ ครม. สุดท้ายต้องยึดมติของพรรคเสนอมาอย่างเป็นทางการ ส่วนเขาจะส่งใครหรือไม่ส่งใคร หรือส่งอย่างไรเป็นสิทธิของเขา เรามีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่

เรื่องนี้ต้องอยู่ที่หัวหน้าพรรคคุยกัน และโดยหลักการแต่ละพรรคต้องไปจัดการในพรรคให้ชัดเจน เมื่อมีมติแล้วก็มอบหัวหน้าพรรคมาคุย และเสนอมาก็อาจจะไม่ได้หมด อาจมีคนที่เราเห็นว่าสมควรกว่าก็อาจจะบอกให้เขากลับไปดูก่อน ถ้าเขาดูไม่ได้จึงเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องมาพิจารณา บางอันก็ต้องเคลียร์ว่าจะเอาคนกลางหรือไม่ ซึ่งเป็นดุลยพินิจของนายกฯที่จะพิจารณาจัดตั้งครม. ขอย้ำว่าต้องเป็นมติพรรคที่จะเสนอบุคคลมา ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า เลขาธิการพรรค หรือสมาชิกพรรคก็ต้องยึดมติพรรค 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์