ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (4 มิถุนายน) ว่า “ผมได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สองถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบันผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่าในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุนระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งผมมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน”
ภูมิธรรม กล่าวว่า “แนวคิดการปิดด่านของแม่ทัพภาคที่สอง หมายความว่าหากเจรจา JBC (Joint Boundary Committee: คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม) ไม่สำเร็จ การปิดด่านคือมาตรการต่อไป ซึ่งเป็นการเสนอตามลำดับขั้นตอน นอกจากนี้ยังมีถึงกรรมการบริหารและโฆษกพรรคการเมืองบางพรรคที่เอาข้อความไปโพสต์ทางกลุ่ม LINE ต่างๆ ซึ่งก็ไม่เป็นผลดี เพราะการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จมันมีผล ซึ่งเป็นถึงกรรมการบริหารพรรคต้องระมัดระวัง”
พรรคฝ่ายค้านต้องมีสติ เพราะวันนี้เราต้องการความร่วมมือกัน ข้อเสนอแนะสามารถเสนอได้ แต่ไม่ใช่เอาข้อมูลอันเป็นเท็จไปร่อนอยู่ในโซเชียลมีเดีย
เมื่อตั้งข้อสังเกตุถึงกรณีการเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แล้วนายกฯ เรียกประชุมวงอื่น ทำให้เหล่าทัพ “รอเก้อ” ? ภูมิธรรม ยืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเมื่อวานนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.บท.) ก็ไปกับผม ซึ่งเมื่อวานนี้ผมได้มีการสั่งประชุม สมช.ชุดเล็ก เพื่อให้พิจารณาเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา และวันนี้ก็จะสรุปรายงานส่งมาที่ผม และผมได้สั่งการไปแล้วว่า สมช. ในฐานะฝ่ายนโยบายจะต้องประชุมกันตลอดในช่วงนี้ เพื่อให้ฝ่ายนโยบายกับฝ่ายปฏิบัติการสอดคล้องกัน และหากมีการปิดด่าน สมช. ก็จะต้องเป็นผู้พิจารณาโดยตรง แต่หากมีการประกาศกฎอัยการศึก อำนาจอยู่ที่แม่ทัพภาคที่สอง”
ภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า “เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีฯ ได้มีการกลับมาหารือกันที่ทำเนียบรัฐบาล มีทั้งอธิบดีกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการทหารบก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี และผมเอง ยืนยันว่าเราทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าไม่แสดงอะไรออกมาหรือไม่ทำงาน แม้วันนี้จะออกมาถล่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอย่างไรก็ไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ประเทศชาติเกิดผลกระทบ เรื่องนั้นสำคัญที่สุด และเชื่อว่าทุกคนรักประเทศ โดยขอให้ระมัดระวังเรื่องข่าวปลอม เพราะออกมาแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่บั่นทอนรัฐบาล และก็เชื่อกันไปว่าเป็นอย่างนั้น มาซักมาถามบางทีเราก็ยังตอบไม่ได้ อย่างเมื่อวานที่มาถามผมก็ตอบไม่ได้ แต่หากผมปฏิเสธไปเรื่อย ก็ยืนอยู่บนจุดที่ไม่อยู่กับความเป็นจริง แต่เมื่อวานลงพื้นที่ไปแล้วก็มาถามได้”
เมื่อถามถึงการรุกล้ำเขตแดนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ 200 เมตร? ภูมิธรรม กล่าวว่า “อยู่ในระหว่างการใช้กลไก JBC ในการจัดการ ซึ่งปัญหาอยู่ในพื้นที่ของการกำหนดแต่ละฝ่าย มีจุดที่ทับซ้อนกันอยู่ ซึ่งเราก็กำหนดเป็นโนแมนแลนด์ ยอมรับว่ามีการล้ำเข้ามาในจุดดังกล่าว แต่ไม่ใช่เกินเข้ามาในเขตแดน ซึ่งละเมิดข้อตกลง JBC ในข้อ 5 ผมเชื่อว่ากลไก JBC จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่หากเขาไม่ยอมรับก็จะเป็นปัญหา”
ก่อนย้ำว่า “การที่กัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ No man's land (พรมแดนระหว่างสองประเทศ) ถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลง แต่ยังไม่ใช่เป็นการบุกแผ่นดินไทย เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นปัญหาชายแดนที่ยังถกเถียงกันไม่จบ ย้ำว่าใช้กลไกสันติวิธีระหว่างประเทศ ผ่านการเจรจาในการแก้ปัญหา แต่ไม่ใช่เป็นการยอมแต่อย่างไร”
ข่าวต่างๆ ที่ออกมา เป็นข่าวที่สร้างความแตกแยกภายใน ผมไม่ว่า ถ้าจะเอาชนะทางการเมือง และมาบ่อนทำลายเครดิตของผม แต่เรื่องของประเทศชาติไม่ควรเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มาใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง หรือสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น
ส่วนกรณีการประชุม IISS Shangri-La Dialogue เวทีหารือด้านความมั่นคงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ประเทศสิงคโปร์ ขณะประเทศฟิลิปปินส์กำลังพูดคุยกับประเทศไทยนั้น ได้มีนายทหารกัมพูชา เอ่ยถามความคิดเห็นทางฟิลิปปินส์ว่า “มองอย่างไรถึงเหตุการณ์ปะทะจนมีทหารกัมพูชาเสียชีวิต”
เรื่องนี้ ภูมิธรรม ชี้แจงว่า “ผู้ที่ซักถามขึ้นมานั้นไม่ใช่ตัวแทนรัฐบาล ซึ่งไม่ถือว่าเป็นสาระที่เราต้องไปทำอะไร”
พร้อมกล่าวว่า “ผมได้สั่งให้ทางกองทัพบกเตรียมความพร้อม ตั้งแต่ที่กัมพูชาได้มีการเผาศาลาตรีมุข จึงให้ความมั่นใจได้ว่า หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกองทัพมีความพร้อม แต่หากมีการละเมิดข้อตกลงก็ต้องไปเจรจาใน JBC ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ที่กรุงพนมเปญ และทางการไทยได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมตั้งแต่ผมอยู่สิงคโปร์ และยืนยันความพร้อมทั้งหมด และเตรียมการเป็นอย่างดี ไม่ต้องห่วง โดยเฉพาะมีหลักฐานของการยื่นประท้วงของกองกำลังสุรนารีทุกครั้ง ทุกอย่างที่มีการประท้วงไป แสดงว่าเราไม่ได้มีการยอมรับในการเจรจา ในกระบวนการเรามีการเตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมด หลายๆ อย่างผมยังไม่อยากพูด เพราะไม่ใช่เวทีที่จะพูดกันกลางอากาศ และยังไม่อยากให้เขารู้ว่าเราเตรียมอะไร ส่วนหากเจรจายังไม่สำเร็จก็จะต้องคิดว่าจะใช้มาตรการอย่างไรต่อไป”
เมื่อถามว่า ระหว่างการรอเจรจา ทุกฝ่ายจะต้องหยุดไว้ก่อนใช่หรือไม่? ภูมิธรรม กล่าวว่า “นี่เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น แต่เราก็ห้ามใจของแต่ละฝ่ายไม่ได้ เพราะฉะนั้นหากเกิดอะไรขึ้น เราก็จะประท้วง หรือดำเนินการ”
การใช้วิธีเจรจา ไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมศิโรราบ
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีที่วันนี้จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ภูมิธรรม กล่าวว่า “ผมได้ให้ สมช. ประชุมแล้วตั้งแต่เมื่อวาน (4 มิ.ย.) เป็นการประชุมวงเล็ก กำลังจะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อติดตามเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งคณะกรรมการชุดเล็กได้ทำเรื่องเสนอมาแล้ว และผมจะเซ็นตั้งในวันนี้ ส่วนเขาเสนอให้ใครเป็นประธานนั้น ผมยังไม่เห็น หากมีอะไร ซึ่งกรรมการชุดนี้ก็จะเสนอ สมช. ชุดใหญ่ ซึ่งทุกฝ่ายก็ทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง เพราะเราคาดไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ส่วนจะใช้กลไกแบบเดียวกับเมียนมาหรือไม่ ที่มีคณะกรรมการ ปชด.? ภูมิธรรม กล่าวว่า “อันนั้นเป็นกลไกที่มีอยู่แล้ว”
เมื่อถามว่า บ่ายนี้จะมีการประชุมเรื่องชายแดนกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่? ภูมิธรรม กล่าวว่า “ไม่มี เพราะผมได้รายงานทางไลน์ให้กับนายกฯ ทราบแล้ว และตอนบ่ายผมก็ไม่อยู่”
ส่วนตอนบ่าย ที่ม็อบ คปท. (เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย) จะไปหาที่กระทรวงกลาโหม? ภูมิธรรม กล่าวว่า “ก็ไปสิ ไม่เป็นไร ถ้าไปก็คงจะมีคนรับ เท่านั้นเอง และไม่ใช่ว่าเขาจะมาแล้วผมจะหนี แต่มีภารกิจอยู่แล้ว”
เมื่อถามว่า กรณีของชายแดนจะอธิบายอย่างไร เพราะตอนนี้ประชาชนขวัญเสีย? ภูมิธรรม กล่าวว่า “ตอนที่ผมลงพื้นที่ ก็ได้แจ้งกับประชาชนไปแล้ว โดยมีภาพของผม, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และแม่ทัพภาคสอง ได้พูดทุกอย่างไปแล้วในพื้นที่”
เมื่อถามว่า บริเวณชายแดนปกติมีกฎอัยการศึกอยู่แล้วใช่หรือไม่? ภูมิธรรม กล่าวว่า “แล้วแต่จุด อยู่ที่แม่ทัพพิจารณาว่าจะประกาศหรือไม่ และเขาทราบอยู่แล้วว่าถ้าถึงจุดนั้นต้องทำอย่างไร”
เมื่อถามว่า ตอนนี้ชายแดนที่เกิดเหตุแบบนี้ จะสามารถใช้ความสัมพันธ์พิเศษ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ ‘ฮุน เซน’ ทำให้ปัญหายุติลงได้หรือไม่? ภูมิธรรม กล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ฝ่ายปฏิบัติการยังทำเต็มที่ ซึ่งส่วนตัวก็เป็นเรื่องที่ ทักษิณจะคุยเพื่อช่วยประเทศอย่างไร ซึ่งท่านคุยหรือไม่ ผมไม่ทราบ ผมก็ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกหน่วยงานที่ผมดูแลอยู่ก็เคลื่อนไหวกันหมด”
ส่วนการประชุม JBC จะคุยเฉพาะในพื้นที่ช่องบกอย่างเดียว ไม่ได้รวมถึงเกาะกูดและพื้นที่อ้างสิทธิ์อื่นด้วยใช่หรือไม่? ภูมิธรรม กล่าวว่า “เวลาเกิดเหตุการณ์ ยิ่งคุยกว้างยิ่งจบยาก หากปัญหาเกิดตรงนี้ เราก็ต้องโฟกัสตรงนี้ เขาต้องการขยายกว้าง แต่เราคุยแคบ หากเราไปตามเขา ก็เท่ากับเปิดประเด็นทั้งหมดที่เป็นปัญหา”
ถ้าเขาร้อน เราก็ต้องเย็น สื่อก็อย่าไปหลงประเด็นเขา เพราะตอนนี้ที่เขาบอกว่าจะขึ้นศาลโลก เขาพูดฝ่ายเดียวก็ไม่มีผลอะไร แต่ถ้าเราไปบอกว่าโอเคหรือไม่โอเค ก็จะเป็นประเด็น ดังนั้นเราต้องอยู่ตรงนี้ ซึ่งกรณีของศาลโลก ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ที่เราไม่รับมติของศาลโลก ดังนั้น หากเขานำเรื่องขึ้นศาลโลก ก็ต้องได้รับการยอมรับจากเรา เรายืนยันว่าจะให้จบที่การประชุม JBC ที่เราทำขณะนี้ เราใช้สติในการดูว่าแค่ไหน อย่างไรจึงจะเหมาะสมเท่านั้น ตอนนี้เราเตรียมพร้อมตลอดแนวชายแดน โฟกัสจุดที่เป็นปัญหา
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่า กัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ไม่ขอเข้าร่วมในการเจรจา JBC ร่วมกับไทย แต่จะใช้แนวทางนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ให้พิจารณาข้อขัดแย้งใน 4 พื้นที่ ประกอบด้วย ช่องบก, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย