ที่อาคารอินเตอร์ลิงค์ ทาวเวอร์ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการหารือกองบินตำรวจ เรื่องเฮลิคอปเตอร์ตก ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ อันเป็นเหตุให้มีตำรวจเสียชีวิต 3 นายว่า เหตุที่เกิดขึ้นที่กองบินตำรวจเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่จะดำเนินการใน 2 ประเด็น คือ การสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้นกับสังคม และต้องการสร้างความมั่นใจให้กับนักบินเพื่อทำหน้าที่ โดย ระหว่างนี้จะเดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อความโปร่งใสและเพื่อความสุจริตอย่างแท้จริง
เมื่อถามว่า เรื่องของสร้างความมั่นใจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ได้เดินทางไปที่กองบินตำรวจเพื่อวางแนวบริหารอากาศยาน วิธีการบริหารนักบิน และการซ่อมบำรุงต่างๆเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น
ส่วนเครื่องบินตำรวจที่สามารถใช้ได้อยู่ในตอนนี้จะสามารถนำกลับมาใช้ได้เมื่อไหร่ หลังมีการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ว่า เราใช้เวลาในการตรวจสอบ 1 สัปดาห์ โดยให้นักบินได้มีส่วนร่วมด้วยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักบิน และคาดว่าในวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.นี้ จะสามารถเริ่มภารกิจที่จำเป็นได้
แจงปมตั้งงบ 950 ล้าน ซ่อมบำรุงอากาศยาน บอกปีนี้ยังไม่ได้ใช้ ขอวางแนวบริหารให้มีคุณภาพ
ส่วนการตั้งงบประมาณในการซ่อมบำรุงปีละ 950 ล้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ชี้แจงว่า ปีนี้เรายังไม่ได้ใช้งบประมาณ เพื่อวางแนวการบริหารใหม่ให้เกิดความถูกต้อง และเน้นในเรื่องของการซ่อมอากาศยานให้เกิดคุณภาพมากที่สุด คุ้มค่ากับงบประมาณให้มากที่สุด พร้อม ยืนยันมีการตรวจสอบย้อนหลังกลับไปอยู่แล้วเพื่อให้เกิดความโปร่งใส
เผยคืบหน้าปฏิการเชิงรุกเหตุไม่สงบจังหวัดชายแดนใต้ เชื่อวันหน้าควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ตำรวจมักเป็นเป้าในการก่อเหตุความไม่สงบ จะมีการวางแนวทางอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า เป็นเรื่องของความมั่นคง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง เป้าหมายที่ถูกกระทำไม่ใช่มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น แต่มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร สามเณร ชาวบ้าน ซึ่งไม่ว่าคนที่นับถือศาสนาใดก็รู้สึกไม่สบายใจ และรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เรื่องที่เกิดขึ้นเรามีขีดจำกัดบริเวณแนวชายป่า ที่สะดวกต่อผู้ก่อความไม่สงบที่สามารถมาก่อเหตุและหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น การยกระดับในการปฏิบัติ คือ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมและเน้นย้ำให้ฝ่ายความมั่นคงทำงานอย่างเต็มที่ด้วยการประสานกันเพื่อลดขีดจำกัดในการลงมาก่อเหตุ ขณะภายในก็เพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง และศึกษาการระวังตนเอง โดยต้องไม่ประมาท
ส่วนการติดตามผู้ก่อเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า เราดำเนินการในเรื่องของแง่มุมการสืบสวน ทั้งยานพาหนะบุคคล ที่อยู่ระหว่างการสืบสวนของแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งทหาร และตำรวจ ร่วมมือกันอยู่แล้ว โดยเห็นได้เมื่อวันที่ 29 พ.ค. การแถลงข่าวจะเห็นความคืบหน้าในการปฏิบัติการเชิงรุกในหลายวิธี จึง เชื่อว่าวันข้างหน้าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง